วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2558
เค้กน้ำฝรั่ง
เค้กน้ำฝรั่ง
ส่วนไข่แดงแป้งเค้ก 150 กรัม
ผงฟู 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 100 กรัม
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
นมข้นจืด 55 กรัม
ไข่แดง 5 ฟอง
น้ำมันพืช 55 กรัม
น้ำฝรั่งชนิดพร้อมดื่ม (Not From Concentrate) 38 กรัม
ส่วนไข่ขาวไข่ขาว 5 ฟอง
ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 100 กรัม
วอร์มเตาอบไว้ก่อน จุ๋มใช้พิมพ์แบบกลม เลยใช้ไฟแค่ 180 องศาเซลเซียส วันนี้วอร์มเตาด้วยไฟบนและล่างเลย ถ้าใครใช้ถาดแบบถาดทำแยมโรลใช้ไฟประมาณ 200 องศาเซลเซียส
ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือ รวมกัน 2 ครั้ง แล้วเทน้ำตาลทรายป่นลงไป
คน ๆ ให้เข้ากัน แล้วทำหลุมตรงกลาง
เทไข่แดงลงไปในหลุมแป้ง ตามด้วยนมข้นจืด น้ำมันพืช และน้ำฝรั่ง
จากนั้นใช้ตะกร้อมือคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน แนะนำให้คนเร็ว ๆ แรง ๆ แต่ใช้เวลาสั้น แล้วพักไว้
ทีนี้เอาไข่ขาวเทใส่ชามผสม ตีด้วยความเร็วสูงจนไข่ขาวเป็นฟองหยาบ ๆ
ใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ลงไป ตีต่อด้วยความเร็วสูงจนไข่ขาวเป็นฟองละเอียด
ทยอยใส่น้ำตาลทรายป่นลงไปทีละช้อนจนหมด
หลังจากใส่น้ำตาลทรายหมดแล้ว ตีด้วยความเร็วสูงเรื่อย ๆ ไข่ขาวจะเริ่มตั้งยอดอ่อน
หลังจากไข่ขาวตั้งยอดอ่อนก็ตีต่อไปด้วยความเร็วสูงเหมือนเดิม
วิธีเช็คไข่ขาวตั้งยอดแข็ง สามารถดูได้จากรอยของหัวตะกร้อที่ไข่ขาวค ถ้ารอยหัวตะกร้อชัดเจนก็แสดงว่าไข่ขาวตั้งยอดแข็งแล้ว
แล้วเปลี่ยนมาตีด้วยความเร็วต่ำสักพัก เพื่อให้ไข่ขาวเนื้อเนียน
คราวนี้ต้องผสม 2 ไข่เข้าด้วยกัน ตะล่อมผสมอย่างเบามือให้ 2 ไข่เข้ากัน
เทใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้กระแทกพิมพ์เบา ๆ ไล่ฟองอากาศนิดหน่อย แล้วก็เอาเข้าเตาอบจนสุก
หน้าเค้ก
น้ำ 300 กรัม
น้ำฝรั่งเข้มข้น (Concentrated) 50 กรัม
น้ำตาลทราย 120 กรัม (แต่จุ๋มใช้ 100 กรัมคะ จุ๋มว่า 120 กรัมหวานไปอ่ะ)
แป้งข้าวโพด 25 กรัม
เนยสด 20 กรัม
เอาแป้งข้าวโพดและน้ำเทใส่หม้อ คน ๆ ให้แป้งข้าวโพดละลาย
เติมน้ำตาลทรายและน้ำฝรั่งเข้มข้นลงไป
เติมเนยสดลงไปต่อ
แล้วเอาไปตั้งไฟอ่อน ๆ หมั่นคน ถ้าไม่หมั่นคนแป้งข้าวโพดเป็นลูก
สักพักมันจะข้นขึ้นเรื่อย ๆ กวนจนข้นหน่อยปิดเตา แล้วรอให้อุ่น ๆ หน่อยก่อนเอาไปราดเค้ก
หน้าน้ำฝรั่งอุ่นแล้วเอาเค้กวางลงไป 1 layer เอาหน้ามันปาด ๆ ลงไป
layer ที่สองตามลงไปอีก เอาหน้ามันทาชั้นที่สองต่อ
layer ที่สามวางลงไปต่อ แล้วก็เอาหน้ามันปาด ๆ แล้วปาดด้านข้าง ๆ
วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2558
ข้าวเหนียวมูน 5 สี
ข้าวเหนียวมูน 5 สี
วัตถุดิบ
ข้าวเหนียวมูน–สีขาว
1. สีขาว - ข้าวเหนียวเม็ดงามๆ (แช่น้ำ 3-4 ชม.) 250 กรัม
2. มะพร้าวขูดขาว 250 กรัม 1 1/2 ถ้วย
3. น้ำตาลทราย 1 ถ้วย (180 กรัม)
4. เกลือป่น (กรณีเกลือละเอียดมากลด 1/2 ชช) 1-2 ช้อนชา
ข้าวเหนียวสี
ให้ผสมสีในน้ำกะทิใช้อัตราส่วนด้านบน
5. สีม่วงน้ำเงิน–ดอกอัญชัญ 20 ดอก (คั้นน้ำ-กรอง) หรือสีผสมอาหาร 4-6 ช้อนโต๊ะ
6. สีเหลือง–ดอกกรรณิการ์ (แช่น้ำ) หรือสีผสมอาหาร กรณีถ้าใช้ขมิ้นให้ผสมแช่ข้าวเหนียวได้เลย 4-6 ช้อนโต๊ะ
7. สีเขียว–น้ำใบเตยข้นๆ 1/4 ถ้วย
8. สีแดง–ข้าวเหนียวขาว 200 กรัม ข้าวเหนียวดำ 50 กรัม (แช่น้ำ 3-4ชม.รวมกัน) 250 กรัม
วิธีทำ
1. ข้าวเหนียวขาว – แช่น้ำให้ท่วมทิ้งไว้ 3-4 ชม.
2. ข้าวเหนียวดำ แช่กับน้ำเดือดจัด พออุ่น ใส่ข้าวเหนียวขาว เติมน้ำให้ท่วม ทิ้งไว้ 3 ชม.
3. น้ำกะทิสำหรับมูนข้าวเหนียว (ถ้าเป็นสีต่างๆ ให้ผสมสีไปด้วย ต้องการใส่สีมากแค่ไหนให้ตักน้ำกะทิออกเท่านั้น เช่น ใส่สี 1/4 ถ้วย ให้ตักกะทิออก 1/4 ถ้วย)
3.1 สีขาว – ผสมกะทิ 1 1/2 ถ้วย น้ำตาลทราย เกลือ ตั้งไฟกลาง คนให้พอเดือด (กันเสีย) ยกลงพักไว้
3.2 สีม่วงน้ำเงิน – กะทิ 1 1/2 ถ้วย (ตักออก 4-6 ชต) น้ำตาลทราย เกลือ น้ำดอกอัญชัญ (4-6ชต) ตั้งไฟกลาง คนให้พอเดือด ยกลงพักไว้
3.3 สีเหลือง – ผสมกะทิ 1 1/2 ถ้วย น้ำตาลทราย เกลือ น้ำดอกกรรณิการ์หรือขมิ้นชัน ตั้งไฟกลาง คนให้พอเดือด ยกลงพักไว้
3.4 สีเขียว – ผสมกะทิ 1 1/2 ถ้วย (ตักออก 1/4 ถ้วย) น้ำตาลทราย เกลือ น้ำใบเตย (1/4 ถ้วย) ตั้งไฟกลาง คนให้พอเดือด ยกลงพักไว้
3.5 สีแดง (สีของขาวเหนียวดำ-ขาว) ผสมกะทิ 1 ถ้วย น้ำตาลทราย เกลือ ตั้งไฟกลาง คนให้พอเดือด (กันเสีย) ยกลงพักไว้
4. เตรียมลังถึง น้ำ 2/3 ของลัง ตั้งไฟแรงให้น้ำเดือด ล้างข้าวเหนียวใส่ผ้าขาวบางห่อไว้ให้ระอุ นึ่งให้สุกใช้เวลาประมาณ 25 นาที เทให้หม้อ
5. หม้อใส่ข้าวเหนียวที่นึ่งสุกร้อนๆ เติมน้ำกะทิ (สีที่ต้องการ) ใช้พายคนเร็วๆ ให้เข้ากัน ปิดฝาทิ้งไว้จนเย็นแห้งประมาณ 30 – 40 นาที เปิดฝาออกซุยให้กระจาย
6. จัด – ใส่ข้าวเหนียวในกระทง อย่าให้ล้น กดให้ตรงกลางบุ๋มเล็กน้อย ตักหน้าใส่ตามต้องการ โดยหน้าขนมของข้าวเหนียวแต่ละสีมีตามนี้
ข้าวเหนียวมูน 5 สี ได้แก่ หน้าขนมที่ใช้
สีขาว - กะทิ - หน้าปลาแห้ง
สีม่วงน้ำเงิน - สีดอกอัญชัน - ไข่แมงดา/หน้าจาวตาล/สาเกเชื่อม
สีเหลือง - สีดอกกรรณิการ หรือขมิ้นชัน - หน้ากุ้ง
สีเขียว - สีใบเตย - หน้าสังขยา
สีแดง - ข้าวเหนียวดำรวมกับขาว - หน้ากระฉีก
เคล็ดลับ
ข้าวเหนียวเก่าจะไม่เละมากเท่าข้าวเหนียวใหม่ที่มีความชื้นมาก ข้าวเหนียวดำล้วนๆ จะแข็งไม่นิ่มจึงต้องใส่ข้าวเหนียวขาวผสมเข้าไป บางที่อาจใช้ข้าวเหนียวดำล้วน แต่น้ำนำไปหุงให้สุกก่อนแล้วจึงมูนด้วยน้ำกะทิในหม้อ
ข้าวเหนียวมูน–สีขาว
1. สีขาว - ข้าวเหนียวเม็ดงามๆ (แช่น้ำ 3-4 ชม.) 250 กรัม
2. มะพร้าวขูดขาว 250 กรัม 1 1/2 ถ้วย
3. น้ำตาลทราย 1 ถ้วย (180 กรัม)
4. เกลือป่น (กรณีเกลือละเอียดมากลด 1/2 ชช) 1-2 ช้อนชา
ข้าวเหนียวสี
ให้ผสมสีในน้ำกะทิใช้อัตราส่วนด้านบน
5. สีม่วงน้ำเงิน–ดอกอัญชัญ 20 ดอก (คั้นน้ำ-กรอง) หรือสีผสมอาหาร 4-6 ช้อนโต๊ะ
6. สีเหลือง–ดอกกรรณิการ์ (แช่น้ำ) หรือสีผสมอาหาร กรณีถ้าใช้ขมิ้นให้ผสมแช่ข้าวเหนียวได้เลย 4-6 ช้อนโต๊ะ
7. สีเขียว–น้ำใบเตยข้นๆ 1/4 ถ้วย
8. สีแดง–ข้าวเหนียวขาว 200 กรัม ข้าวเหนียวดำ 50 กรัม (แช่น้ำ 3-4ชม.รวมกัน) 250 กรัม
วิธีทำ
1. ข้าวเหนียวขาว – แช่น้ำให้ท่วมทิ้งไว้ 3-4 ชม.
2. ข้าวเหนียวดำ แช่กับน้ำเดือดจัด พออุ่น ใส่ข้าวเหนียวขาว เติมน้ำให้ท่วม ทิ้งไว้ 3 ชม.
3. น้ำกะทิสำหรับมูนข้าวเหนียว (ถ้าเป็นสีต่างๆ ให้ผสมสีไปด้วย ต้องการใส่สีมากแค่ไหนให้ตักน้ำกะทิออกเท่านั้น เช่น ใส่สี 1/4 ถ้วย ให้ตักกะทิออก 1/4 ถ้วย)
3.1 สีขาว – ผสมกะทิ 1 1/2 ถ้วย น้ำตาลทราย เกลือ ตั้งไฟกลาง คนให้พอเดือด (กันเสีย) ยกลงพักไว้
3.2 สีม่วงน้ำเงิน – กะทิ 1 1/2 ถ้วย (ตักออก 4-6 ชต) น้ำตาลทราย เกลือ น้ำดอกอัญชัญ (4-6ชต) ตั้งไฟกลาง คนให้พอเดือด ยกลงพักไว้
3.3 สีเหลือง – ผสมกะทิ 1 1/2 ถ้วย น้ำตาลทราย เกลือ น้ำดอกกรรณิการ์หรือขมิ้นชัน ตั้งไฟกลาง คนให้พอเดือด ยกลงพักไว้
3.4 สีเขียว – ผสมกะทิ 1 1/2 ถ้วย (ตักออก 1/4 ถ้วย) น้ำตาลทราย เกลือ น้ำใบเตย (1/4 ถ้วย) ตั้งไฟกลาง คนให้พอเดือด ยกลงพักไว้
3.5 สีแดง (สีของขาวเหนียวดำ-ขาว) ผสมกะทิ 1 ถ้วย น้ำตาลทราย เกลือ ตั้งไฟกลาง คนให้พอเดือด (กันเสีย) ยกลงพักไว้
4. เตรียมลังถึง น้ำ 2/3 ของลัง ตั้งไฟแรงให้น้ำเดือด ล้างข้าวเหนียวใส่ผ้าขาวบางห่อไว้ให้ระอุ นึ่งให้สุกใช้เวลาประมาณ 25 นาที เทให้หม้อ
5. หม้อใส่ข้าวเหนียวที่นึ่งสุกร้อนๆ เติมน้ำกะทิ (สีที่ต้องการ) ใช้พายคนเร็วๆ ให้เข้ากัน ปิดฝาทิ้งไว้จนเย็นแห้งประมาณ 30 – 40 นาที เปิดฝาออกซุยให้กระจาย
6. จัด – ใส่ข้าวเหนียวในกระทง อย่าให้ล้น กดให้ตรงกลางบุ๋มเล็กน้อย ตักหน้าใส่ตามต้องการ โดยหน้าขนมของข้าวเหนียวแต่ละสีมีตามนี้
ข้าวเหนียวมูน 5 สี ได้แก่ หน้าขนมที่ใช้
สีขาว - กะทิ - หน้าปลาแห้ง
สีม่วงน้ำเงิน - สีดอกอัญชัน - ไข่แมงดา/หน้าจาวตาล/สาเกเชื่อม
สีเหลือง - สีดอกกรรณิการ หรือขมิ้นชัน - หน้ากุ้ง
สีเขียว - สีใบเตย - หน้าสังขยา
สีแดง - ข้าวเหนียวดำรวมกับขาว - หน้ากระฉีก
เคล็ดลับ
ข้าวเหนียวเก่าจะไม่เละมากเท่าข้าวเหนียวใหม่ที่มีความชื้นมาก ข้าวเหนียวดำล้วนๆ จะแข็งไม่นิ่มจึงต้องใส่ข้าวเหนียวขาวผสมเข้าไป บางที่อาจใช้ข้าวเหนียวดำล้วน แต่น้ำนำไปหุงให้สุกก่อนแล้วจึงมูนด้วยน้ำกะทิในหม้อ
ข้าวเหนียวสีอัญชัญหน้าไข่แมงดา
ข้าวเหนียวสีอัญชัญหน้าไข่แมงดา
ข้าวเหนียวสีเขียว
ไข่แมงดา
1. ไข่ไก่ 2 ฟอง
2. ไข่เป็ด 4 ฟอง
3. น้ำเชื่อม
4. น้ำลอยดอกไม้ 2 ถ้วย
5. น้ำตาลทราย 2 1/2 ถ้วย
6. ใบตอง
วิธีทำ
1. อ่างตอกไข่ไก่และไข่เป็ดใส่ แยกไข่แดงออกใส่ภาชนะกรองด้วยผ้าขาวบาง รีดไข่น้ำค้างใส่กรองด้วย
2. กะทะทอง ใส่น้ำตาลทราย น้ำ ตั้งไฟให้เดือด ไม่ต้องคน ดูจนน้ำตาลละลาย แบ่งน้ำเชื่อมไว้สำหรับเป็นน้ำเชื่อมหล่อไข่แมงดา
3. ตัดใบตองเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า 3 ชิ้นประกบกัน ม้วนให้เป็นกรวย ให้ปลายเป็นรูเล็กๆ
4. พอน้ำเชื่อมเดือด ตักไข่ใส่ที่กรวยใบตอง ค่อยๆ เหยาะไข่ใส่น้ำเชื่อมเป็นหยดๆ ถ้าหยดแล้วแบนแสดงว่าน้ำเชื่อมยังร้อนไม่ได้ที่ ต้องหยดแล้วเป็นเม็ดกลมๆ จึงใช้ได้ เมื่อไข่ลอยตามขอบๆ กะทะแสดงว่าสุกได้ที่ ใช้กระชอนโปร่งช้อนขึ้น ตักใส่หล่อในน้ำเชื่อมที่แยกไว้ ใส่กระทงเสริฟหรือโรยหน้าข้าวเหนียวสีอัญชัญ
ไข่แมงดา
1. ไข่ไก่ 2 ฟอง
2. ไข่เป็ด 4 ฟอง
3. น้ำเชื่อม
4. น้ำลอยดอกไม้ 2 ถ้วย
5. น้ำตาลทราย 2 1/2 ถ้วย
6. ใบตอง
วิธีทำ
1. อ่างตอกไข่ไก่และไข่เป็ดใส่ แยกไข่แดงออกใส่ภาชนะกรองด้วยผ้าขาวบาง รีดไข่น้ำค้างใส่กรองด้วย
2. กะทะทอง ใส่น้ำตาลทราย น้ำ ตั้งไฟให้เดือด ไม่ต้องคน ดูจนน้ำตาลละลาย แบ่งน้ำเชื่อมไว้สำหรับเป็นน้ำเชื่อมหล่อไข่แมงดา
3. ตัดใบตองเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า 3 ชิ้นประกบกัน ม้วนให้เป็นกรวย ให้ปลายเป็นรูเล็กๆ
4. พอน้ำเชื่อมเดือด ตักไข่ใส่ที่กรวยใบตอง ค่อยๆ เหยาะไข่ใส่น้ำเชื่อมเป็นหยดๆ ถ้าหยดแล้วแบนแสดงว่าน้ำเชื่อมยังร้อนไม่ได้ที่ ต้องหยดแล้วเป็นเม็ดกลมๆ จึงใช้ได้ เมื่อไข่ลอยตามขอบๆ กะทะแสดงว่าสุกได้ที่ ใช้กระชอนโปร่งช้อนขึ้น ตักใส่หล่อในน้ำเชื่อมที่แยกไว้ ใส่กระทงเสริฟหรือโรยหน้าข้าวเหนียวสีอัญชัญ
วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2558
ขนมปังไส้กะหรี่ไก่
ขนมปังไส้กะหรี่ไก่
กะหรี่ไก่
- เนื้ออกไก่หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็ก 300 กรัม
- หอมหัวใหญ่หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็กๆ 100 กรัม
- หอมแดงสับ 20 กรัม
- มันฝรั่งหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็ก 200 กรัม
- แครอทหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็ก 100 กรัม
- ซอสปรุงรส ( ซีอิ๊วขาว + ซอสฝาเขียว ) 2-3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย + 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่น 1 ช้อนชา
- พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
- ผงกะหรี่ 1 + 1/2 ช้อนชา
- เนื้ออกไก่หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็ก 300 กรัม
- หอมหัวใหญ่หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็กๆ 100 กรัม
- หอมแดงสับ 20 กรัม
- มันฝรั่งหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็ก 200 กรัม
- แครอทหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็ก 100 กรัม
- ซอสปรุงรส ( ซีอิ๊วขาว + ซอสฝาเขียว ) 2-3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย + 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่น 1 ช้อนชา
- พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
- ผงกะหรี่ 1 + 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
นำมันฝรั่งและแครอทที่หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าไว้ไปต้มในน้ำเดือดสักครู่พอสุก
อย่าให้สุกมากนะคะเดี๋ยวตอนผัดเืนื้อมันฝรั่ง กับ แครอทจะเละ พอสุกแล้ว
นำไปแช่น้ำเย็น และสรงให้สะเด็ดน้ำ รอไว้
ตั้งกระทะให้ร้อน นำน้ำมันใส่ลงไป ( เราใช้น้ำมันคาโนลา )
ใส่หอมแดงสับลงไปผัดให้หอมสุกเล็กน้อย แล้วนำเนื้อไก่หั่นสี่เหลี่ยมลงไปผัดให้สุกและแห้ง
แล้วใส่หอมหัวใหญ่ผัดให้สุก บางคนอาจจะสงสัยว่า
ทำไมถึงเอาเนื้อลงก่อนหอมใหญ่ สาเหตุที่เอาเนื้อลงก่อน
เพื่อผัดให้สุกและคั่วเนื้อไก่ให้แห้ง ไม่ให้มีน้ำ ถ้าเอาหอมใหญ่ลงผัดก่อน
แล้วค่อยเอาเนื้อลง การผัด พอหอมสุก นำ มันฝรั่ง แครอท ลงไปผัด เติมเครื่องปรุงทั้งหมด
ผัดให้เข้ากัน ชิมรสดู เพิ่มเติมรสชาติตามชอบ
หลังจากผัดไส้สุกแล้ว ไส้จะแห้งเหนียวๆนิดหน่อยตักใส่ภาชนิทิ้งไว้ให้เย็นสนิท
รอเอาไปใส่ไส้ขนมปังต่อไป
ขนมปังหวานสูตรนิ่ม
- แป้งขนมปัง 150 กรัม
- แป้งเค้กบัวแดง 50 กรัม
- ยีสต์แห้ง 1 + 1/4 ช้อนชา
- นมสดอุ่น 120 กรัม
- น้ำตาลทราย 30 กรัม
- เนยสด 40 กรัม
- เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
- นมผง 10 กรัม
- สารเสริมขนมปัง แพตโก้-3 1/2 ช้อนชา
- แป้งขนมปัง 150 กรัม
- แป้งเค้กบัวแดง 50 กรัม
- ยีสต์แห้ง 1 + 1/4 ช้อนชา
- นมสดอุ่น 120 กรัม
- น้ำตาลทราย 30 กรัม
- เนยสด 40 กรัม
- เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
- นมผง 10 กรัม
- สารเสริมขนมปัง แพตโก้-3 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
แบ่งนมสดอุ่น ( หยดลงมือแล้วทนความร้อนได้ เราเอานมใส่ไมโครเวฟไป 25 วินาที ) 2 - 3 ช้อนโต๊ะ
ใส่ยีสต์จาก คนๆให้ยีสต์ละลายในนมสด
แล้วแบ่งน้ำตาลในสูตรมา 1 ช้อนชา ใส่ลงไป คนๆ ให้น้ำตาลละลาย คนให้เข้ากันดี พักทิ้งไว้ 8-10
นาที ยีสต์จะขึ้นฟู
เอาน้ำตาลที่เหลือละลายในนมอุ่นที่เหลือ เอาไข่เทลงไปด้วย
คนๆนิดหน่อยให้เข้ากัน
ใส่แป้งและส่วนผสมที่เป็นของแห้งทั้งหมดลงในหม้อผสม
ใช้ไม้พายคนๆให้เข้ากัน ยกเว้นเกลือทำหลุมตรงกลางเทยีสต์ที่หมักไว้จนขึ้นฟองลงไปในหลุมส่วนผสมแป้ง ใช้ไม้พายคนๆให้ยีสต์กระจายทั่วๆส่วนผสม
เทส่วนผสมของเหลวลงในแป้งส่วนผสมของแห้งทั้งหมด คนๆให้แป้งจับของเหลวให้ทั่วๆ ขยำๆ ด้วยมือ ให้หมดผงแป้ง จับเป็นก้อนรวมไว้
แบ่งเทเนยสดอ่อนตัวลงไป ขยำให้ทั่วๆ นวดพอประมาณ ให้ส่วนผสมเข้ากันพอประมาณ
ทิ้งแป้งที่จับตัวกันแล้ว ให้แป้งพักประมาณ 20 นาที - 1 ชั่วโมง พอได้เวลาแล้วก็ใส่เกลือให้ทั่วๆแป้ง นวดให้เกลือกับแป้งโดว์เข้ากันพอประมาณ
จากขั้นตอนนี้ก็นวดแป้งไปตามปกติ เราเอาแป้งโดว์มานวดที่โต๊ะนวดประมาณ 30 - 40 นาที แป้งก็จะเนียน และขึงเป็นฟิล์มได้
นวดแป้งโดว์ได้ที่แล้วนะ รวมแป้งเป็นก้อนกลม ใส่ลงในอ่างที่ทาเนยขาวบางๆไว้
ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆหรือพลาสติกแร็พปิด แล้วเราก็เอาใส่ลงในหม้อแสตนเลสที่ใช้ผสมนั่นแหละ พลาสติดแร็พที่ใช้ควรเลือกที่เป็น food grade ใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำหมาดๆ ปิดไว้
แป้งโดว์อืดเป็น 2 เท่าแล้ว ก็ลองเอานิ้วคลุกแป้งสาลีจิ้มลงในโดว์ดู ถ้าได้รอยบุ๋มในแป้ง แป้งไม่กระเด้งขึ้นก็ใช้ได้แล้ว
ชกลมลงในแป้ง 3 ที คลึงแป้งเป็นก้อนกลม ตัดแป้งเป็นส่วนๆ น้ำหนักเท่าๆกัน จากสูตรเต็มข้างบนเราตัดได้ส่วนละ 50 กรัม ได้ 11 ก้อน
คลึงแป้งที่ตัดส่วนให้เป็นก้อนกลม เรียงแป้งไว้ตามลำดับก่อนหลัง เอาพลาสกติกคลุมไว้และผ้าขาวบางชุบน้ำหมาดๆคลุมทับไว้อีกที ทำจนครบก็เหมือนพักแป้งไว้ประมาณ 7-10 นาที
นำเอาแป้งที่พักไว้ก้อนแรกมาขึ้นรูปตามต้องการ ใส่ไส้ แล้วก็ใส่ถ้วยไว้ หรือเรียงใส่ถาดที่จะอบเอาไว้ ( ในถาดเอากระดาษไขปูถาดไว้ด้วย กันขนมปังติดถาด) เอาพลาสติกคลุมไว้และผ้าขาวบางชุบน้ำหมาดๆคลุมทับไว้ด้วยเหมือนกัน
เปิดเตาอบอุ่นเตาไว้ที่ 180 องศาซี แป้งที่ขึ้นรูปใส่ไส้แล้ว ก็รอพักไว้ให้แป้งขึ้นเป็น 2 เท่าอีก ประมาณ 40 นาที
วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558
บะหมี่หมูทงคัตสึ
บะหมี่หมูทงคัตสึ
ส่วนผสมและวิธีทำ
เนื้อหมู(สันใน สันนอก หรือสามชั้นแล้วแต่สะดวกค่ะ)
แป้งสาลี (ใช้แป้งชุปทอดโกกิแทน)
ไข่ไก่
เกล็ดขนมปัง
น้ำมันสำหรับทอด
ส่วนผสมน้ำซอส
ซอสมะเขือเทศ 1 ช้อนโต๊ะ
ซอสคิโคแมน 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
ล้างทำความสะอาดเนื้อหมู แล้วผึ่งให้สะเด็ดน้ำ
ใช้แป้งโกกิแทนแป้งสาลี เอาเนื้อหมูลงคลุกกับแป้งโกกิให้ทั่ว
จากนั้นเอาลงไปคลุกกับไข่ให้ทั่วทั้งสองด้าน
กลับมาคลุกแป้งโกกิใหม่อีกรอบ ตามด้วยไข่ ต่อด้วยคลุกกับเกล็ดขนมปัง
ตั้งกะทะจนน้ำมันร้อนเอาเนื้อหมูลงไปแล้วปิดไฟ รอ 30 วิ กลับด้านเนื้อหมู ทิ้งไว้ 1 นาที เปิดไฟเปลี่ยนเป็นไฟอ่อน ทอดจนเกล็ดขนมปังเกรียมทั้งสองด้านเป็นอันใช้ได้
บะหมี่ต่อ เริ่มด้วยเอาเส้นบะหมี่ไปล้างน้ำก่อน เสร็จแล้วนำไปลวกในน้ำร้อน นำมาผ่านน้ำเย็น
ผึ่งให้แห้ง ไม่ต้องใช้น้ำมันพืชคลุก
ทำน้ำซอส
นำส่วนผสมท้ั้งหมดใส่หม้อตั้งไฟเคี่ยวให้เดือดแล้วปิดไฟยกลงเตรียมราดบะหมี่ได้เลย
ขนมปังกล้วยหอม
ขนมปังกล้วยหอมส่วนผสม
แป้งขนมปัง 250 กรัม
แป้งอเนกประสงค์ 50 กรัม
ยีสต์ 1 1/4 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 30 กรัม( 2 ช้อนโต๊ะ)
เกลือ 1/2 ช้อนชา
ไข่ไก่ 25 กรัม(ที่เหลือเอาไว้ทาหน้า)
กล้วยหอมสุก 150 กรัม
นมสด 50 กรัม
เนยสด 40 กรัม
อัลมอนด์สไลด์สำหรับโรยหน้า
นำส่วนผสมแห้งใส่รวมกันในโถ
ตามด้วยกล้วยหอม เนย และนมสด ใส่ไข่ไก่ลงไป ตีจนแป้งเป็นก้อน
พักแป้งไว้ 1 ช.ม หรือทิ้งให้ขึ้นเท่าตัว
นำมานวดไล่ลม กรุบนพิมพ์ทาเนยขาว
ทิ้งให้ขึ้นอีกเท่าตัว ก่อนอบทาไข่ แล้วโรยด้วยอัลมอนด์สไลด์
อบไฟ 180 c เวลา 15 นาที
แป้งขนมปัง 250 กรัม
แป้งอเนกประสงค์ 50 กรัม
ยีสต์ 1 1/4 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 30 กรัม( 2 ช้อนโต๊ะ)
เกลือ 1/2 ช้อนชา
ไข่ไก่ 25 กรัม(ที่เหลือเอาไว้ทาหน้า)
กล้วยหอมสุก 150 กรัม
นมสด 50 กรัม
เนยสด 40 กรัม
อัลมอนด์สไลด์สำหรับโรยหน้า
นำส่วนผสมแห้งใส่รวมกันในโถ
ตามด้วยกล้วยหอม เนย และนมสด ใส่ไข่ไก่ลงไป ตีจนแป้งเป็นก้อน
พักแป้งไว้ 1 ช.ม หรือทิ้งให้ขึ้นเท่าตัว
นำมานวดไล่ลม กรุบนพิมพ์ทาเนยขาว
ทิ้งให้ขึ้นอีกเท่าตัว ก่อนอบทาไข่ แล้วโรยด้วยอัลมอนด์สไลด์
อบไฟ 180 c เวลา 15 นาที
ขนมกล้วย
ขนมกล้วย
ส่วนผสม
กล้วยน้ำว้า 15-20 ลูก
แป้งข้าวจ้าว 1 กิโล
แป้งมัน 250 กรัม
กะทิ 1,500 กรัม
เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 กิโล
มะพร้าวทึนทึกขูด 300 กรัม
กล้วยน้ำว้าเลือกแบบงอมหน่อย เพราะจะทำให้รสชาดิออกหวานและหอมกลิ่นกล้วย
ปอกกล้วยแช่น้ำเกลือ เพื่อไม่ให้กล้วยดำก่อนที่จะนำไปผสม
ผสมแป้งทั้งสองชนิดเข้าด้วยกันก่อน
จากนั้นใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไป น้ำตาลทรายอย่าเพิ่งใส่หมด ลองใส่ก่อนครึ่งหนึ่งพอส่วนผสมแป้ง เข้ากันดีแล้วค่อยลองชิม
ตามด้วยกะทิ คนให้ส่วนผสมเข้ากันดี นำกล้วยไปปั่นให้ละเอียด แต่ถ้าชอบแบบกินกล้วยด้วยก็สามารถนำไปบดหยาบใส่ถุงพลาสติกก็ได้
จากนั้นก็ใส่กล้วยลงไป ตามด้วยมะพร้าวใส่แค่ครึ่งเดียวก่อน คนให้ส่วนผสมเข้ากันดี
จากนั้นก็เตรียมใบตอง เอามาห่อ หรือจะใส่ถ้วยก็ได้ นึ่งน้ำร้อนไฟแรงประมาณ 15 นาที
คุ้กกี้กาแฟ
คุ้กกี้กาแฟส่วนผสม
แป้ง 250 ก. (ครั้งนี้ใช้บัวแดง 150 ก. และแป้งเค้ก 100 ก.)
ผงฟู 3/4 ชช.
โซดา 1/2 ชช.
เกลือ 1/4 ชช.
น้ำตาลไอซิ่ง 125 ก.
เนยจืด 125 ก.
วิปปิ้งครีม 60 ก. (ใช้แทนไข่ไก่ 1 ฟอง)
กาแฟสำเร็จรูป 1 1/2 ชช.
กลิ่นวนิลลาบัตเตอร์ 1 ชช.
ผสมวิปปิ้งครีม กาแฟ และกลิ่นเข้าด้วยกัน
ร่อนแป้ง ผงฟู โซดา เกลือ 1 รอบ
ตีเนย และน้ำตาลไอซิ่งเข้าด้วยกัน จนฟูขาว ใส่ส่วนผสมวิปปิ้งครีมที่ทำไว้ลงไปผสมให้เข้ากัน แบ่งแป้งออกเป็น 2-3 ส่วน ผสมลงไปจนเข้ากันดี
บีบลงบนถาดที่ทาเนย หรือวางกระดาษรองอบไว้ อบไฟ 180 C นาน 11-12 นาที
แป้ง 250 ก. (ครั้งนี้ใช้บัวแดง 150 ก. และแป้งเค้ก 100 ก.)
ผงฟู 3/4 ชช.
โซดา 1/2 ชช.
เกลือ 1/4 ชช.
น้ำตาลไอซิ่ง 125 ก.
เนยจืด 125 ก.
วิปปิ้งครีม 60 ก. (ใช้แทนไข่ไก่ 1 ฟอง)
กาแฟสำเร็จรูป 1 1/2 ชช.
กลิ่นวนิลลาบัตเตอร์ 1 ชช.
ผสมวิปปิ้งครีม กาแฟ และกลิ่นเข้าด้วยกัน
ร่อนแป้ง ผงฟู โซดา เกลือ 1 รอบ
ตีเนย และน้ำตาลไอซิ่งเข้าด้วยกัน จนฟูขาว ใส่ส่วนผสมวิปปิ้งครีมที่ทำไว้ลงไปผสมให้เข้ากัน แบ่งแป้งออกเป็น 2-3 ส่วน ผสมลงไปจนเข้ากันดี
บีบลงบนถาดที่ทาเนย หรือวางกระดาษรองอบไว้ อบไฟ 180 C นาน 11-12 นาที
มูสอัญชันมะนาว
มูสอัญชันมะนาวน้ำเปล่า 100 มล.
อัญชัน 20 ดอก
น้ำมะนาว 1/2 ลูก
เจลาติน 2 แผ่น (แช่น้ำเย็นให้นิ่มแล้วสะบัดน้ำออกให้หมด)
วิปปิ้งครีม 200 มล.
น้ำตาลทราย 70 กรัม
เกลือ 1/8 ช้อนชา
วิธีทำ
นำน้ำเปล่า น้ำตาลทราย เกลือและดอกอัญชันใส่หม้อตั้งไฟ ต้มให้เดือดแล้วกรองเอากากออก หย่อนเจลาตินที่นิ่มแล้วลงไป คนให้ละลาย เติมน้ำมะนาวคนให้เข้ากันอีกครั้ง ทิ้งให้เย็น
อัญชัน 20 ดอก
น้ำมะนาว 1/2 ลูก
เจลาติน 2 แผ่น (แช่น้ำเย็นให้นิ่มแล้วสะบัดน้ำออกให้หมด)
วิปปิ้งครีม 200 มล.
น้ำตาลทราย 70 กรัม
เกลือ 1/8 ช้อนชา
วิธีทำ
นำน้ำเปล่า น้ำตาลทราย เกลือและดอกอัญชันใส่หม้อตั้งไฟ ต้มให้เดือดแล้วกรองเอากากออก หย่อนเจลาตินที่นิ่มแล้วลงไป คนให้ละลาย เติมน้ำมะนาวคนให้เข้ากันอีกครั้ง ทิ้งให้เย็น
ตีวิปปิ้งครีมให้ตั้งยอดกลาง
เติมน้ำอัญชันลงไปครึ่งนึง คนให้เข้ากันแล้วจึงเติมน้ำอัญชันส่วนที่เหลือลงไป
คนให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว
แกะเยลลี่อัญชันออกจากพิมพ์ซิลิโคน
วางไว้ตรงกลางของพิมพ์ที่ด้านล่างรองด้วยเค้กเอาไว้ เทมูสอัญชันลงไป
เกลี่ยหน้าให้เรียบ นำเข้าช่องฟรีซจนแข็งตัว นำออกจากพิมพ์ตามวิธีที่แนะนำด้านบน
พักให้หายแข็งตัวในตู้เย็นช่องธรรมดา
บัวลอยเผือกมะพร้าวอ่อน
บัวลอยเผือกมะพร้าวอ่อน
แป้งข้าวเหนียว ½ ถ้วย
แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
กะทิกระป๋อง (ขนาด 400 มล) 1 กระป๋อง
น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊ป 1 ช้อนโต๊ะ
เผือกต้มสุกบดละเอียด 1 ถ้วย
เกลือป่น ¼ ช้อนชา
เนื้อมะพร้าวอ่อน 100 กรัม
วิธีทำ
1. เปิดเตาที่ไฟปานกลางค่อนข้างแรง นำเผือกไปนึ่งในหม้อนึ่งประมาณ 20 นาทีหรือจนเผือกสุก เมื่อเผือกสุกแล้ว รอให้เผือกเย็นจึงนำมาขูดเอาแต่เนื้อออกให้หมด
2. นำแป้งข้าวเหนียว แป้งมัน น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา และเกลือป่นนิดหน่อย ผสมลงไปในชามผสมจากนั้น นำเผือกที่ขูดไว้มาผสมกับแป้ง
3. นำกะทิมาแบ่งใส่ถ้วยประมาณ ½ ถ้วย ส่วนกะทิที่เหลือนำไปใส่หม้อไว้ ใส่น้ำกะทิลงไปในส่วนผสมแป้งประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ จากนั้นทำการนวดให้เผือกเข้ากับแป้ง ถ้าแป้งแห้งไปให้เติมกะทิลงไปทีละ 1 ช้อนโต๊ะ นวดไปเรื่อยๆ จนแป้งและเผือกเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน
4. เมื่อนวดจนแป้งเนียนได้ที่แล้วก็ปั้นแป้งเป็นลูกกลมๆ ขนาดประมาณ ¼ นิ้ว ปั้นไปเรื่อยๆ จนแป้งหมด จากนั้น เปิดเตาที่ไฟปานกลางค่อนข้างแรง เอาน้ำเปล่าประมาณ 4 ถ้วยใส่ลงไปในหม้อ ต้มจนน้ำเดือดจึงเอาแป้งที่ปั้นไว้ใส่ลงไป รอจนแป้งสุก (สังเกตว่าแป้งจะลอยขึ้นมาเอง) ก็ช้อนแป้งที่สุกแล้วมาแช่ในน้ำเย็นจัดเพื่อให้แป้งคงตัว
5. เปิดเตาที่ไฟปานกลาง นำกะทิในหม้อไปตั้งบนเตา ใส่น้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊ป และเกลือป่นลงไป หมั่นคนตลอดเวลา จากนั้น นำเนื้อมะพร้าวอ่อนมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ลงไปในกะทิ คนจนกะทิเดือดก็นำเม็ดบัวลอยที่เย็นแล้วใส่ลงในหม้อกะทิ คนให้เข้ากัน
แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
กะทิกระป๋อง (ขนาด 400 มล) 1 กระป๋อง
น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊ป 1 ช้อนโต๊ะ
เผือกต้มสุกบดละเอียด 1 ถ้วย
เกลือป่น ¼ ช้อนชา
เนื้อมะพร้าวอ่อน 100 กรัม
วิธีทำ
1. เปิดเตาที่ไฟปานกลางค่อนข้างแรง นำเผือกไปนึ่งในหม้อนึ่งประมาณ 20 นาทีหรือจนเผือกสุก เมื่อเผือกสุกแล้ว รอให้เผือกเย็นจึงนำมาขูดเอาแต่เนื้อออกให้หมด
2. นำแป้งข้าวเหนียว แป้งมัน น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา และเกลือป่นนิดหน่อย ผสมลงไปในชามผสมจากนั้น นำเผือกที่ขูดไว้มาผสมกับแป้ง
3. นำกะทิมาแบ่งใส่ถ้วยประมาณ ½ ถ้วย ส่วนกะทิที่เหลือนำไปใส่หม้อไว้ ใส่น้ำกะทิลงไปในส่วนผสมแป้งประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ จากนั้นทำการนวดให้เผือกเข้ากับแป้ง ถ้าแป้งแห้งไปให้เติมกะทิลงไปทีละ 1 ช้อนโต๊ะ นวดไปเรื่อยๆ จนแป้งและเผือกเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน
4. เมื่อนวดจนแป้งเนียนได้ที่แล้วก็ปั้นแป้งเป็นลูกกลมๆ ขนาดประมาณ ¼ นิ้ว ปั้นไปเรื่อยๆ จนแป้งหมด จากนั้น เปิดเตาที่ไฟปานกลางค่อนข้างแรง เอาน้ำเปล่าประมาณ 4 ถ้วยใส่ลงไปในหม้อ ต้มจนน้ำเดือดจึงเอาแป้งที่ปั้นไว้ใส่ลงไป รอจนแป้งสุก (สังเกตว่าแป้งจะลอยขึ้นมาเอง) ก็ช้อนแป้งที่สุกแล้วมาแช่ในน้ำเย็นจัดเพื่อให้แป้งคงตัว
5. เปิดเตาที่ไฟปานกลาง นำกะทิในหม้อไปตั้งบนเตา ใส่น้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊ป และเกลือป่นลงไป หมั่นคนตลอดเวลา จากนั้น นำเนื้อมะพร้าวอ่อนมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ลงไปในกะทิ คนจนกะทิเดือดก็นำเม็ดบัวลอยที่เย็นแล้วใส่ลงในหม้อกะทิ คนให้เข้ากัน
น้ำเชื่อม
การทำน้ำเชื่อม
น้ำเชื่อมชนิดเข้มข้น
ส่วนผสม
น้ำตาลทราย 4 กิโลกรัม
น้ำสะอาด 2 ลิตร
น้ำเชื่อมชนิดใส
ส่วนผสม
น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม
น้ำสะอาด 1 กิโลกรัม
น้ำเชื่อมชนิดเข้มข้น
ส่วนผสม
น้ำตาลทราย 4 กิโลกรัม
น้ำสะอาด 2 ลิตร
น้ำเชื่อมชนิดใส
ส่วนผสม
น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม
น้ำสะอาด 1 กิโลกรัม
กาแฟปั่น
กาแฟปั่น
น้ำแข็งขนาดแก้ว 16 ออนซ์
กาแฟสำเร็จ 2-3 ช้อนชา
ครีมเทียม 2 ช้อนชา
หรือนมสด 4 ออนซ์
น้ำเชื่อม 2 1/2-3 ออนซ์
ไมโลปั่น
น้ำแข็งขนาดแก้ว 16 ออนซ์
ไมโลสำเร็จ 2-3 ช้อนชา
ครีมเทียม 2 ช้อนชา
หรือนมสด 4 ออนซ์
น้ำเชื่อม 2 ออนซ์
นมข้นหวาน 2ช้อนชา
น้ำแข็งขนาดแก้ว 16 ออนซ์
กาแฟสำเร็จ 2-3 ช้อนชา
ครีมเทียม 2 ช้อนชา
หรือนมสด 4 ออนซ์
น้ำเชื่อม 2 1/2-3 ออนซ์
ไมโลปั่น
น้ำแข็งขนาดแก้ว 16 ออนซ์
ไมโลสำเร็จ 2-3 ช้อนชา
ครีมเทียม 2 ช้อนชา
หรือนมสด 4 ออนซ์
น้ำเชื่อม 2 ออนซ์
นมข้นหวาน 2ช้อนชา
ช็อกโกแลตปั่น
น้ำแข็งขนาดแก้ว 16 ออนซ์
ผงช็อกโกแลตสำเร็จ 1 ช้อนชา
ครีมเทียม 2 ช้อนชา
หรือนมสด 4 ออนซ์
น้ำเชื่อม 2 ออนซ์
นมข้นหวาน 2ช้อนชา
วิธีการปั่นใช้หลักเดียวกันทุกสูตร คือใส่ทุกอย่างลงในโถปั่น แล้วปั่นให้ละเอียด
น้ำแข็งขนาดแก้ว 16 ออนซ์
ผงช็อกโกแลตสำเร็จ 1 ช้อนชา
ครีมเทียม 2 ช้อนชา
หรือนมสด 4 ออนซ์
น้ำเชื่อม 2 ออนซ์
นมข้นหวาน 2ช้อนชา
วิธีการปั่นใช้หลักเดียวกันทุกสูตร คือใส่ทุกอย่างลงในโถปั่น แล้วปั่นให้ละเอียด
น้ำมะนาวปั่น
น้ำมะนาวปั่น
ส่วนผสม
น้ำมะนาว 50 กรัม ประมาณ 2 ลูก
น้ำเชื่อม 8ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า สะอาด 1 ถ้วยตวง
เกลือป่นเสริมไอโอดีน 1/2 ช้อนชา
น้ำมะนาว 50 กรัม ประมาณ 2 ลูก
น้ำเชื่อม 8ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า สะอาด 1 ถ้วยตวง
เกลือป่นเสริมไอโอดีน 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
1.นำทุกอย่างใส่รวมกันในเครื่องปั่นผลไม้
2.ปั่นให้ละเอียดแล้วเทใส่แก้ว
แตงโมปั่น
แตงโมปั่น
ส่วนผสม
น้ำเชื่อม 2 ออนซ์
น้ำหวานเฮลลูบอย สีแดง 2 ช้อนชา
แตงโม 1 ชิ้นใหญ่
สามารถใส่นมสดได้ 1 ออนซ์
น้ำแข็งบดละเอีด 1ถ้วย
วิธีทำ
1.นำทุกอย่างใส่รวมกันในเครื่องปั่นผลไม้
2.ปั่นให้ละเอียดแล้วเทใส่แก้วและแต่งหน้าให้สวยงามพร้อมเสิร์ฟ
น้ำเชื่อม 2 ออนซ์
น้ำหวานเฮลลูบอย สีแดง 2 ช้อนชา
แตงโม 1 ชิ้นใหญ่
สามารถใส่นมสดได้ 1 ออนซ์
น้ำแข็งบดละเอีด 1ถ้วย
วิธีทำ
1.นำทุกอย่างใส่รวมกันในเครื่องปั่นผลไม้
2.ปั่นให้ละเอียดแล้วเทใส่แก้วและแต่งหน้าให้สวยงามพร้อมเสิร์ฟ
น้ำสตอเบอรี่ปั่น
น้ำสตอเบอรี่ปั่น
ส่วนผสม
สตอเบอร์รี่สดผ่าครึ่ง 1 ถ้วย (ใช้สตอเบอร์รี่แช่แข็งก็ได้ค่ะ หาซื้อได้ที่ ห้างmakro)
นมข้นหวาน 1 ออนซ์
โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ออนซ์
นมสดรสจืด 2 ออนซ์
น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
น้ำแข็งบดละเอียด 1 ถ้วย
วิธีทำ
1.นำทุกอย่างใส่รวมกันในเครื่องปั่นผลไม้
2.ปั่นให้ละเอียดแล้วเทใส่แก้ว และฝานสตรอเบอรี่สดแต่งหน้า
สตอเบอร์รี่สดผ่าครึ่ง 1 ถ้วย (ใช้สตอเบอร์รี่แช่แข็งก็ได้ค่ะ หาซื้อได้ที่ ห้างmakro)
นมข้นหวาน 1 ออนซ์
โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ออนซ์
นมสดรสจืด 2 ออนซ์
น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
น้ำแข็งบดละเอียด 1 ถ้วย
วิธีทำ
1.นำทุกอย่างใส่รวมกันในเครื่องปั่นผลไม้
2.ปั่นให้ละเอียดแล้วเทใส่แก้ว และฝานสตรอเบอรี่สดแต่งหน้า
น้ำสัประรดปั่น
น้ำสัประรดปั่น
ส่วนผสม
เนื้อสับปะรด 1 ถ้วยตวง (หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า)
น้ำสับปะรด 1/2 ถ้วยตวง
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำเชื่อม 8 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
น้ำแข็งบดละเอียด 1ถ้วยตวง
วิธีทำ
1.นำส่วนผสมทุกอย่างใส่รวมกันในเครื่องปั่นผลไม้
2.ปั่นให้ละเอียดแล้วเทใส่แก้ว
เนื้อสับปะรด 1 ถ้วยตวง (หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า)
น้ำสับปะรด 1/2 ถ้วยตวง
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำเชื่อม 8 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
น้ำแข็งบดละเอียด 1ถ้วยตวง
วิธีทำ
1.นำส่วนผสมทุกอย่างใส่รวมกันในเครื่องปั่นผลไม้
2.ปั่นให้ละเอียดแล้วเทใส่แก้ว
น้ำแครอทปั่น
น้ำแครอทปั่น
ส่วนผสม
แครอทหั่นเล็ก ๆ 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำเชื่อมเข้มข้น 8 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 /4ช้อนชา
น้ำแข็งบดละเอียด 1 ถ้วย
วิธีทำ
1.นำส่วนผสมทุกอย่างใส่รวมกันในเครื่องปั่นผลไม้
2.ปั่นให้ละเอียดแล้วเทใส่แก้ว
แครอทหั่นเล็ก ๆ 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำเชื่อมเข้มข้น 8 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 /4ช้อนชา
น้ำแข็งบดละเอียด 1 ถ้วย
วิธีทำ
1.นำส่วนผสมทุกอย่างใส่รวมกันในเครื่องปั่นผลไม้
2.ปั่นให้ละเอียดแล้วเทใส่แก้ว
น้ำแอปเปิ้ลปั่น
น้ำแอปเปิ้ลปั่น
ส่วนผสม
แอปเปิ้ลแดงหรือเขียวหั่น 1/2 ถ้วย
น้ำเชื่อม 3 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
น้ำแข็งป่น 1 แก้ว
น้ำมะนาวเล็กน้อย เพื่อเพิ่มความเปรี้ยว
น้ำแข็งบดละเอียด 1 ถ้วย
วิธีทำ
1.ล้างแอปเปิ้ลให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วใส่เครื่องปั่น หากชอบรสชาติเปรี้ยว อาจจะเติมน้ำมะนาวลงไปอีกเล็กน้อย
2.ใส่น้ำแข็ง น้ำเชื่อม และเกลือเล็กน้อย ปั่นให้น้ำแข็งละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน จึงเทใส่แก้ว
แอปเปิ้ลแดงหรือเขียวหั่น 1/2 ถ้วย
น้ำเชื่อม 3 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
น้ำแข็งป่น 1 แก้ว
น้ำมะนาวเล็กน้อย เพื่อเพิ่มความเปรี้ยว
น้ำแข็งบดละเอียด 1 ถ้วย
วิธีทำ
1.ล้างแอปเปิ้ลให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วใส่เครื่องปั่น หากชอบรสชาติเปรี้ยว อาจจะเติมน้ำมะนาวลงไปอีกเล็กน้อย
2.ใส่น้ำแข็ง น้ำเชื่อม และเกลือเล็กน้อย ปั่นให้น้ำแข็งละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน จึงเทใส่แก้ว
น้ำส้มปั่น
น้ำส้มปั่น
ส่วนผสม
ส้ม 4-5 ลูก
น้ำเชื่อม 3 1/2-4 ออนซ์
เกลือป่นเล็กน้อย
น้ำมะนาวเล็กน้อย เพื่อเพิ่มความเปรี้ยว
น้ำแข็งบดละเอียด 1 ถ้วย
วิธีทำ
1.นำส่วนผสมทุกอย่างใส่รวมกันในเครื่องปั่นผลไม้
2.ปั่นให้ละเอียดแล้วเทใส่แก้ว และตกเเต่งให้สวยงามด้วย
ส้ม 4-5 ลูก
น้ำเชื่อม 3 1/2-4 ออนซ์
เกลือป่นเล็กน้อย
น้ำมะนาวเล็กน้อย เพื่อเพิ่มความเปรี้ยว
น้ำแข็งบดละเอียด 1 ถ้วย
วิธีทำ
1.นำส่วนผสมทุกอย่างใส่รวมกันในเครื่องปั่นผลไม้
2.ปั่นให้ละเอียดแล้วเทใส่แก้ว และตกเเต่งให้สวยงามด้วย
น้ำกล้วยหอมปั่น
น้ำกล้วยหอมปั่น
ส่วนผสม
กล้วยหอมหั่นท่อนสั้น 1 ถ้วย
นมสด 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำเชื่อม 1/ 2 ถ้วย
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
น้ำแข็งบดละเอียด 1 ถ้วย
วิธีทำ
1. ใส่กล้วยหอม นมสด น้ำเชื่อม เกลือป่น น้ำแข็งและน้ำต้มลงในโถปั่น ปั่นให้เข้ากันดี
2. เทใส่แก้วทรงสูง เสิร์ฟพร้อมหลอดดูด และไม้ คน หรือ จะแช่เย็นดื่มโดยไม่ใส่น้ำแข็ง
กล้วยหอมหั่นท่อนสั้น 1 ถ้วย
นมสด 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำเชื่อม 1/ 2 ถ้วย
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
น้ำแข็งบดละเอียด 1 ถ้วย
วิธีทำ
1. ใส่กล้วยหอม นมสด น้ำเชื่อม เกลือป่น น้ำแข็งและน้ำต้มลงในโถปั่น ปั่นให้เข้ากันดี
2. เทใส่แก้วทรงสูง เสิร์ฟพร้อมหลอดดูด และไม้ คน หรือ จะแช่เย็นดื่มโดยไม่ใส่น้ำแข็ง
ข้าวหมาก
ข้าวหมาก
ส่วนผสม1. ข้าวเหนียวเก่า 1 กก.
2. ลูกแป้งข้าวหมาก 1 ลูก
วิธีทำ
- บดลูกแป้งโดยใช้ช้อนบดในชามให้ละเอียด
- ล้างข้าวเหนียวและแช่น้ำประมาณ 6 ชั่วโมง
- เอาขึ้นจากน้ำ ให้สะเด็ดน้ำแล้วรองด้วยผ้าขาวบาง นึ่งด้วยซึ้ง หรือหวด นึ่งจนข้าวเหนียวสุกทั่วถึงกัน ประมาณ 20-30 นาที หรือให้พอสูก อย่านึ่งจนสุก จะทำให้ข้าวหมากเละ หรือแฉะ ทำข้าวหมากแล้วจะเปรี้ยว
- หลังจากนึ่งเสร็จแล้วนำไปผึ่งข้าวให้เย็น 10-20 นาที
- นำมาล้างด้วยน้ำสะอาด 3 ครั้ง (ถ้าใช้น้ำประปาควรนำน้ำประปาใส่ถังทิ้งไว้ 3-4 วัน เพื่อให้หมดคลอลีน)
- ล้างเสร็จแล้ว นำมาผึ่งในตระแกรงให้แห้งประมาณ 30-60 นาที แล้วแต่อากาศ คือให้สะเด็ดน้ำให้แห้งมากที่สุด
- นำไปใส่ภาชนะที่แห้ง หรือถาด เกลี่ยข้าวให้กระจายหนาเท่า ๆ กัน แล้วโรยและคลุกลูกแป้งข้าวหมากให้สม่ำเสมอเบา ๆ (ใช้ลูกแป้ง 1 ลูก ต่อข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม) โดยเหลือแป้งข้าวหมากไว้นิดหน่อยสำหรับตอนบรรจุลงภาชนะ
- บรรจุใส่ภาชนะที่แห้งและสะอาด เช่น กล่อง หรือห่อใบตอง โดยโรยผงลูกแป้งไว้ก้นภาชนะ แล้วตักข้าวเหนียวใส่ให้ข้าวเรียงตัวกันหลวม ๆ ไม่กดแน่น ไม่ควรหนามาก และให้มีที่ว่างเหนือภาชนะเพื่อให้มีอากาศเพียงพอ แล้วโรยผงลูกแป้งด้านบนอีกครั้ง
- นำไปบ่ม โดยนำผ้าคลุมผ้าขาวบาง ถ้าอากาศหนาวก็คุมผ้าหนาๆ หน่อย ประมาณ 2 คืน
ม้าฮ่อ
ม้าฮ่อ
ส่วนผสม1. หมูสับ 1/2 ถ้วย (สามารถผสมกุ้งสับได้ด้วย จะทำให้อร่อยยิ่งขึ้น)
2. หอมใหญ่สับ 1 หัว
3. ถั่วป่น 1/4 ถ้วย
4. ไชโป้วหวานสับ 1/4 ถ้วย
5. กระเทียม รากผักชี พริกไทยโขลก 1 ชต
6. น้ำตาลปีบ 4-5 ชต
7. เกลือ 1-2 ชช
8. น้ำมันสำหรับผัด
9. ผักชีเด็ดเป็นใบๆ (สำหรับแต่งหน้า)
10. พริกชี้ฟ้าแดง ซอยเป็นเส้นๆ (สำหรับแต่งหน้า)
11. สับปะรด (สามารถเปลี่ยนเป็นส้มเขียวหวาน หรือลูกกีวี่ได้)
วิธีทำ
- ผัดกระเทียม รากผักชี พริกไทยที่โขลกไว้กับน้ำมันให้หอม
- ใส่หมูสับ หอมใหญ่ ผัดจนสุกนิ่ม ใส่ไชโป้ว ถั่วป่น
- เติมน้ำตาลปีบ เกลือ ผัดจนแห้ง ชิมรสให้พอดี เค็มๆ หวานนำ ตักใส่ชามพักไว้
- ปอกและหั่นสับปะรดเป็นชิ้นพอคำ ตักไส้วางบนชิ้นสับปะรด แต่งด้วยพริกแดง ผักชี
- ส้มเขียวหวานผ่ากลางกลีบออก ตักไส้วางบนชิ้นส้ม แต่งด้วยพริกแดง ผักชี
- ลูกกีวี่ปอกและหั่นตามแนวขวาง ตักไส้วางบนชิ้นกีวี่ แต่งด้วยพริกแดง ผักชี
เฟรนซ์ฟรายส์เผือก
เฟรนซ์ฟรายส์เผือก
ส่วนผสม1. เผือกขนาดใหญ่ 1 หัว (1/2 กก.)
2. เกลือป่น 1 ชช.
3. พริกไทยป่น (ถ้าชอบ)
4. น้ำมันสำหรับทอด 1/2 ขวด
5. น้ำปูนใส
วิธีทำ
- ปอกเปลือกเผือกแล้วล้างน้ำให้ยางเหนียวๆ ออกจากหัวเผือก
- หั่นเป็นชิ้นลักษณะยาว (รูปแบบเฟรนซ์ฟรายส์)
- เตรียมน้ำปูนใส โดยนำน้ำสะอาดใส่กะละมังเล็ก ประมาณ 1/3 ส่วน ละลายปูนแดงใส่ลงไป ประมาณ 1 ช้อนชา รอให้น้ำใส จึงรินออกมาใช้ เรียกว่าน้ำปูนใส นำเผือกลงแช่ในน้ำปูนใสประมาณ 10 -15 นาที จากนั้นนำขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำ
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันในปริมาณพอควร (น้ำมันต้องท่วมเฟรนซ์ฟรายส์) ใช้ไฟกลาง รอจนน้ำมันร้อน ใส่เฟรนซ์ฟรายส์ลงในกระทะ เกลี่ยเบาๆ ให้น้ำมันท่วมเฟรนซ์ฟรายส์ให้ทั่ว และอย่าไปคนมันอีก รอจนกว่าเฟรนซ์ฟรายส์จะเหลืองได้ที่จึงค่อยนำขึ้น พักให้สะเด็ดน้ำมัน
- โรยเกลือป่นเล็กน้อย (พริกไทยป่น ถ้าชอบ) ในขณะที่เฟรนซ์ฟรายส์กำลังร้อนๆ จะทำให้รสชาติดีขึ้น กรอบๆ มันๆ เค็มๆ
- รับประทานกับซอสมะเขือเทศ ซอสพริก หรือมายองเนส ตามชอบ
ปอเปี๊ยะเห็ดเข็มทอง
ปอเปี๊ยะเห็ดเข็มทอง
ส่วนผสม1. เห็ดเข็มทอง 100 กรัม
2. แผ่นปอเปี๊ยะ 5 แผ่น
3. ซอสปรุงอาหาร 1 ช้อนชา
4. ไข่ไก่ 1 ฟอง
5. น้ำมันปาล์ม 500 กรัม
6. น้ำจิ้มบ๊วย ตามชอบ
วิธีทำ
1. นำเห็ดเข็มทอด ใส่ซอสปรุงอาหาร เข้าเวฟ 1 นาที คนให้เข้ากัน
2. ตัดแผ่นเป็น 4 ชิ้น ตามเล้นทะแยงมุม
3. นำเห็ดเข็มทอง ใส่บนแผ่นปอเปี๊ยะแล้วห่อด้วยแผ่นปอเปี๊ยะ แล้วนำไข่ทาปลายแผ่นปอเปี๊ยะเพื่อให้แผ่นปอเปี๊ยะติดกันดี
4. ตั้งกระทะน้ำมันท่วม นำปอเปี๊ยะลงทอดให้เหลืองกรอบ สะเด็ดน้ำมัน ทานคู่กับน้ำจิ้มบ้วย
2. แผ่นปอเปี๊ยะ 5 แผ่น
3. ซอสปรุงอาหาร 1 ช้อนชา
4. ไข่ไก่ 1 ฟอง
5. น้ำมันปาล์ม 500 กรัม
6. น้ำจิ้มบ๊วย ตามชอบ
วิธีทำ
1. นำเห็ดเข็มทอด ใส่ซอสปรุงอาหาร เข้าเวฟ 1 นาที คนให้เข้ากัน
2. ตัดแผ่นเป็น 4 ชิ้น ตามเล้นทะแยงมุม
3. นำเห็ดเข็มทอง ใส่บนแผ่นปอเปี๊ยะแล้วห่อด้วยแผ่นปอเปี๊ยะ แล้วนำไข่ทาปลายแผ่นปอเปี๊ยะเพื่อให้แผ่นปอเปี๊ยะติดกันดี
4. ตั้งกระทะน้ำมันท่วม นำปอเปี๊ยะลงทอดให้เหลืองกรอบ สะเด็ดน้ำมัน ทานคู่กับน้ำจิ้มบ้วย
แหนมกระดูกหมู
แหนมกระดูกหมูส่วนผสม1. กระดูกอ่อนหมู 250 กรัม
2. ข้าวเหนียวนึ่ง 30 กรัม
3. กระเทียมไทยแกะเปลือก 30 กรัม
4. เกลือ 1 ช้อนชา
5. ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำเปล่าสำหรับผสมข้าวเหนียว 1 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำมันพืชสำหรับทอด 2 ½ ถ้วยตวง
เครื่องเคียง
ถั่วลิสงทอด มะนาวหั่น 4 เหลี่ยม ชิ้นเล็ก ขิงหั่น 4 เหลี่ยมชิ้นเล็ก พริกขี้หนูสวน ฯลฯ
วิธีทำ
1.ล้างกระดูกอ่อนหมูให้สะอาดหั่นเป็นชิ้นพอคำ แล้วใส่อ่างผสมพักไว้
2.นำข้าวเหนียวนึ่งผสมกับน้ำเปล่า พักไว้
3.โขลกกระเทียมพอละเอียด ใส่ข้าวเหนียวลงไปโขลกด้วยกันพอละเอียด เพื่อไม่ต้องเสียเวลาในการขยำข้าวเหนียวกับกระดูกอ่อนให้เข้ากันนาน
4.ตักข้าวเหนียวกับกระเทียมที่โขลกใส่ลงไปในอ่างผสมขยำให้เข้ากันกับเนื้อหมู จากนั้นใส่เกลือและซีอื้วขาวลงไป ขยำให้เขาเป็นเนื้อเดียวกันอีกครั้ง ตักใส่ถุงหรือหรือภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด เก็บไว้ในอุณหภูมิปกติ นาน 3 คืน หากไม่ชอบเปรี่ยวมากให้เก็บไว้ประมาณ 2 คืนเป็นใช้ได้
5.ตั้งกระทะน้ำมันบนไฟกลางพอร้อน ใส่แหนมกระดูกอ่อนหมูลงไปทอดจนสุก เหลือง ปิดไฟ ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
6.จัดเรียงใส่จานตกแต่งให้สวยงามเสิร์ฟพร้อมกับ เครื่องเคียง
2. ข้าวเหนียวนึ่ง 30 กรัม
3. กระเทียมไทยแกะเปลือก 30 กรัม
4. เกลือ 1 ช้อนชา
5. ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำเปล่าสำหรับผสมข้าวเหนียว 1 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำมันพืชสำหรับทอด 2 ½ ถ้วยตวง
เครื่องเคียง
ถั่วลิสงทอด มะนาวหั่น 4 เหลี่ยม ชิ้นเล็ก ขิงหั่น 4 เหลี่ยมชิ้นเล็ก พริกขี้หนูสวน ฯลฯ
วิธีทำ
1.ล้างกระดูกอ่อนหมูให้สะอาดหั่นเป็นชิ้นพอคำ แล้วใส่อ่างผสมพักไว้
2.นำข้าวเหนียวนึ่งผสมกับน้ำเปล่า พักไว้
3.โขลกกระเทียมพอละเอียด ใส่ข้าวเหนียวลงไปโขลกด้วยกันพอละเอียด เพื่อไม่ต้องเสียเวลาในการขยำข้าวเหนียวกับกระดูกอ่อนให้เข้ากันนาน
4.ตักข้าวเหนียวกับกระเทียมที่โขลกใส่ลงไปในอ่างผสมขยำให้เข้ากันกับเนื้อหมู จากนั้นใส่เกลือและซีอื้วขาวลงไป ขยำให้เขาเป็นเนื้อเดียวกันอีกครั้ง ตักใส่ถุงหรือหรือภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด เก็บไว้ในอุณหภูมิปกติ นาน 3 คืน หากไม่ชอบเปรี่ยวมากให้เก็บไว้ประมาณ 2 คืนเป็นใช้ได้
5.ตั้งกระทะน้ำมันบนไฟกลางพอร้อน ใส่แหนมกระดูกอ่อนหมูลงไปทอดจนสุก เหลือง ปิดไฟ ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
6.จัดเรียงใส่จานตกแต่งให้สวยงามเสิร์ฟพร้อมกับ เครื่องเคียง
ไตปลาแห้ง
ไตปลาแห้ง
ส่วนผสมเครื่องแกงตะไคร้ 2ต้น
ข่า 1ท่อน
ขมื้น ครึ่งท่อน (ชอบให้เหลืองๆ ใส่มากหน่อย)
พริกแห้ง และ พริกสด
กระเทียม หอมแดง
ใบมะกรูด
เอาทั้งหมดใส่เครื่องบดเลย แล้ว ใส่กะปิ ประมาณ1 ช้อนชา
วิธีทำ
- ไตปลา 1/2 ขวด (ขนาดขวดยาคูลท์) เติมน้ำ ใส่ตะใคร้ทุบแล้วสับ 1 ต้น ใบะกรูด 3-4 ใบ ต้มจนหอมแล้วกรองเหลือแต่น้ำ
- จากนั้นนำเครื่องแกงที่บดแล้ว ยังอยู่ในเครื่อง ใส่น้ำตาลปิ๊ป และปลาทูน่า ผสมในน้ำเกลือ 2 กระป๋อง (เอาน้ำออกแล้ว)
- ตั้งไฟ ใส่น้ำมันเล็กน้อย เอาที่บดในเครื่อง มาผัดจนหอม เติมน้ำไตปลา แล้วผัดต่อจนแห้ง ชิมดู(ไม่ต้องใส่เกลือเพราะไตปลาเค็มอยู่แล้ว) เสร็จแล้วโรยหน้าด้วยใบมะกรูดหั่นฝอยๆ
ผัดพริกปลาร้า
ผัดพริกปลาร้า
ส่วนผสม1. ข่า
2. ตะไคร้
3. ผิวมะกรูด
4. หัวหอม
5. หัวกระเทียม
6. พริกแห้ง
7. มะพร้าวขูดละเอียด (ประมาณ 1 ถ้วยตวง)
8. น้ำมันพืช
9. ใบมะกรูดหั่นฝอย
10.ใบโหระพา
11.ปลาร้าสับละเอียด (ถ้าเป็นปลาตัวใหญ่ ล้างด้วยน้ำเพื่อลดความเค็มเลาะก้างออก ใช้แต่เนื้อ ถ้าเป็นปลาเล็กๆ สับละเอียดทั้งตัว ใช้ประมาณ 1/2 ถ้วยตวง)
12.เนื้อปลาร้าหั่นเต๋า พอประมาณ
วิธีทำ
- โขลกเครื่องแกงให้ละเอียด (อย่าใส่เกลือลงไปเพราะปลาร้าเค็มอยู่แล้ว)
- นำปลาร้าสับละเอียดลงไปคลุกรวมกับพริกแกงที่โขลกละเอียดแล้ว ให้เข้ากันหรือจะใช้สากช่วยย้ำๆ เนื้อปลาด้วย
- นำมะพร้าวขูดละเอียดลงไปคลุกเช่นเดียวกับปลาร้า
- นำกระทะตั้งเตา ใส่น้ำมันนิดหน่อย พอร้อนให้ตักส่วนผสมที่ได้ทั้งหมดลงในกระทะ ตามด้วยเนื้อปลาร้าหั่นเต๋า (ใช้ไฟปานกลางและค่อยๆ หรี่ให้อ่อนลงตามลำดับ)
- ผัดส่วนผสมทั้งหมดไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเป็นเนื้อร่วน ไม่จับเป็นก่อน (เวลาผัดใช้ตะหลิวกดๆ บ้าง เพื่อไม่ให้ส่วนผสมจับกันเป็นก้อน)
- พอส่วนผสมเริ่มร่วน ให้ใช้ไปอ่อนๆ ผัดไปเรื่อยๆ จนแห้งดี โรยด้วยใบมะกรูดหั่นฝอย และใบโหระพา เสริฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ
ข้าวผัดเขียวหวาน
ข้าวผัดเขียวหวานส่วนผสม1. ข้าวสวยหุงน้ำน้อย 2 ถ้วย
2. เนื้อหมู หรือไก่ หรือกุ้ง หมึก
3. กะทิ ½ ถ้วย
4. พริกแกงเขียวหวาน 2 ช้อนโต๊ะ
5. มะเขือเปาะ 2-3 ลูก (หรือมะเขือพวง)
6. ใบโหระพา ใบมะกรูดฉีก พริกชี้ฟ้าแดงซอย
วิธีทำ
- ตั้งกะทะผัดพริกแกงให้หอม ลงกะทิผัดให้แตกมัน จากนั้นใส่เนื้อหมู หรือไก่ หรือกุ้ง หมึก มะเขือเปาะ (หรือมะเขือพวง) ใบมะกรูด ผัดให้สุกหอมเข้ากันดี
- นำข้าวมาผัดกับเครื่องแกงเขียวหวาน ปรุงรสด้วยผงปรุงรส ชูรส น้ำปลา น้ำตาล ผัดพอเข้ากันดีแล้ว ใส่ใบโหระพา พริกชี้ฟ้าแดงซอย ผัดให้เข้ากันตักใส่จาน
2. เนื้อหมู หรือไก่ หรือกุ้ง หมึก
3. กะทิ ½ ถ้วย
4. พริกแกงเขียวหวาน 2 ช้อนโต๊ะ
5. มะเขือเปาะ 2-3 ลูก (หรือมะเขือพวง)
6. ใบโหระพา ใบมะกรูดฉีก พริกชี้ฟ้าแดงซอย
วิธีทำ
- ตั้งกะทะผัดพริกแกงให้หอม ลงกะทิผัดให้แตกมัน จากนั้นใส่เนื้อหมู หรือไก่ หรือกุ้ง หมึก มะเขือเปาะ (หรือมะเขือพวง) ใบมะกรูด ผัดให้สุกหอมเข้ากันดี
- นำข้าวมาผัดกับเครื่องแกงเขียวหวาน ปรุงรสด้วยผงปรุงรส ชูรส น้ำปลา น้ำตาล ผัดพอเข้ากันดีแล้ว ใส่ใบโหระพา พริกชี้ฟ้าแดงซอย ผัดให้เข้ากันตักใส่จาน
ข้าวผัดต้มยำ
ส่วนผสมข้าวผัดต้มยำ1. ข้าวสวย 1 ถ้วย
2. น้ำพริกเผา 2 ช้อนโต๊ะ (ถ้าใช้น้ำพริกเนื้อหยาบ และไม่มีรสหวานจะอร่อยยิ่งขึ้น)
3. อาหารทะเล เช่น กุ้ง หมึก หรือเนื้อไก่ หมู ตามใจชอบ
4. เห็ดฟาง 5 ดอก
5. ข่าอ่อน หั่นชิ้นเล็กๆ 2 แว่น
6. ตะไคร้ ซอยชิ้นเล็กๆ 1 ต้น
7. ใบมะกรูด ฉีกชิ้นเล็กๆ 4-5 ใบ
8. ผักชีฝรั่ง หั่นหยาบ 2 ต้น
9. มะนาว 1 ลูก
10. เครื่องปรุงประกอบด้วย ผงปรุงรส ชููรส น้ำปลา น้ำตาลทราย ซอสหอย
11. กระเทียมบด เล็กน้อย
วิธีทำ
- คลุกข้าวสวยกับน้ำพริกเผาให้เข้ากัน
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อย เจียวกระเทียมบดให้เหลือง ใส่อาหารทะเล หรือ ไก่ หมู ผัดให้สุก
- ใส่ข้าวที่คลุกน้ำพริกเผาแล้วลงในกระทะ
- ใส่ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด แล้วผัดให้เข้ากัน
- ปรุงรสด้วย ผงปรุงรส ชููรส น้ำปลา น้ำตาลทราย ซอสหอย กะประมาณให้พอดี
- ใส่ผักชีฝรั่ง และบีบมะนาว
- ชิมรสให้ออกรสเปรี้ยว หวาน เค็ม พอประมาณ
- รับประทานกับผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว
ชูครีมสอดไส้ไอศกรีมราดซอสช็อกโกแลต
ชูครีมสอดไส้ไอศกรีมราดซอสช็อกโกแลต
วัตถุดิบ
1. แป้งชู 400 กรัม
2. ไอศกรีมวานิลา 1 กล่อง
ซอสช็อกโกแลต
3. น้ำ 1/2 ถ้วย
4. ผงโกโก้ 30 กรัม
5. น้ำตาลไอซิ่ง 70 กรัม
6. วิปครีม 1/2 ถ้วย
7. ช็อกโกแลต 70% 100 กรัม
วิธีทำ
1. ซอสช็อกโกแลต– หม้อใส่น้ำ ผงโกโก้ น้ำตาล ตั้งไฟกลาง คนผสมให้ละลายเข้ากัน ให้เดือดประมาณ 1 นาที ยกออกจากเตา ใช้อีกหม้อใส่ครีม ตั้งไฟรอให้เดือด นำไปเทใส่ชอคโกแลต 70% ผสมกัน จนละลายข้ากัน ใส่ชามหรือถ้วย นำหม้อผสมผงโกโก้ที่พักไว้เทใส่ ใช้พายค่อยๆ คนผสมอย่าให้มีฟองอากาศ
2. แป้งชูจุ่มในช็อกโกแลต ทิ้งไว้ให้แห้งโดยเข้าตู้เย็น แล้วใช้มีดฝานแป้งชูด้านบนให้เป็นฝา นำไอศครีมวานิลบีบใส่เป็นไส้ เสริฟกับซอสช็อกโกแลต
ตัวแป้งชู
1. แป้งสาลี (ร่อน) 125 กรัม
2. น้ำ 250 กรัม
3. เกลือ 5 กรัม
4. น้ำตาล 5 กรัม
5. เนย 80 กรัม
6. ไข่ไก่ 4-5 ฟอง
วิธีทำ
1. ตัวแป้ง – หม้อใส่น้ำ เนย เกลือ น้ำตาล ตั้งไฟดูให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน พอเดือด ร่อนแป้งใส่ผสมคนให้เข้ากัน กวนจนแป้งร่อนไม่ติดหม้อ ปิดไฟ (ยกออกจากเตา) คนต่อเพื่อระบายความร้อน ใส่ไข่ (ค่อยๆ ใส่ทีละนิด) ลงในแป้ง คนผสมให้เข้ากันดูไม่ให้เหลวหรือข้นจนเกินไป (ถ้าแหวกแป้งแล้วค่อยๆ ไหลกลับเข้าหากันเป็นใช้ได้)
2. ถุงบีบใส่แป้งที่กวนเสร็จ บีบใส่ถาดอบทาด้วยเนยบางๆ หรือปูด้วยกระดาษไข บีบเป็นก้อนกลมตามขนาดที่ต้องการ ใช้แปรงจุ่มเนยเหลวทาหรือ แตะหน้าแป้งที่บีบแล้ว นำเข้าอบอุณหภูมิ 180C – 200C ขึ้นกับขนาด ใช้เวลาประมาณ 20 – 30 นาที จนแป้งพองฟูขึ้น
น้ำพริกระกำ
น้ำพริกระกำ
ระกำปลอกเปลือกเอาแต่เนื้อ 3 ช้อนโต้ะ
กะปิ 1 ช้อนโต้ะ
กระเทียมบด 2 ช้อนโต้ะ
พริกสดบด 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 1 ช้อนชา
กุ้งแห้ง 1 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต้ะ
ผักสดสำหรับกินกับน้ำพริก เช่น มะเขือ แตงกวา ถั่วฝักยาว หน่อไม้
วิธีทำน้ำพริกระกำ
1. เตรียมครก นำเนื้อระกำ กุ้งแห้ง กระเทียม และ พริกสด โขรกให้ละเอียด เข้ากัน2. จากนั้นใส่ กะปิ น้ำตาล และน้ำปลา ลงไปโขรกให้เข้ากันกับส่วนผสมข้างต้น
3. เสริฟน้ำพริกระกำใส่ถ้วยน้ำจิ้ม เสริฟพร้อมผักเคียง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)