วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เค้กน้ำฝรั่ง


เค้กน้ำฝรั่ง
ส่วนไข่แดงแป้งเค้ก 150 กรัม
ผงฟู 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 100 กรัม
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
นมข้นจืด 55 กรัม
ไข่แดง 5 ฟอง
น้ำมันพืช 55 กรัม
น้ำฝรั่งชนิดพร้อมดื่ม (Not From Concentrate) 38 กรัม

ส่วนไข่ขาวไข่ขาว 5 ฟอง
ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 100 กรัม

วอร์มเตาอบไว้ก่อน  จุ๋มใช้พิมพ์แบบกลม เลยใช้ไฟแค่ 180 องศาเซลเซียส วันนี้วอร์มเตาด้วยไฟบนและล่างเลย  ถ้าใครใช้ถาดแบบถาดทำแยมโรลใช้ไฟประมาณ 200 องศาเซลเซียส
ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือ รวมกัน 2 ครั้ง แล้วเทน้ำตาลทรายป่นลงไป 
คน ๆ ให้เข้ากัน แล้วทำหลุมตรงกลาง
เทไข่แดงลงไปในหลุมแป้ง ตามด้วยนมข้นจืด น้ำมันพืช และน้ำฝรั่ง
จากนั้นใช้ตะกร้อมือคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน แนะนำให้คนเร็ว ๆ แรง ๆ แต่ใช้เวลาสั้น แล้วพักไว้
ทีนี้เอาไข่ขาวเทใส่ชามผสม ตีด้วยความเร็วสูงจนไข่ขาวเป็นฟองหยาบ ๆ
ใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ลงไป ตีต่อด้วยความเร็วสูงจนไข่ขาวเป็นฟองละเอียด
ทยอยใส่น้ำตาลทรายป่นลงไปทีละช้อนจนหมด
หลังจากใส่น้ำตาลทรายหมดแล้ว ตีด้วยความเร็วสูงเรื่อย ๆ ไข่ขาวจะเริ่มตั้งยอดอ่อน
หลังจากไข่ขาวตั้งยอดอ่อนก็ตีต่อไปด้วยความเร็วสูงเหมือนเดิม
วิธีเช็คไข่ขาวตั้งยอดแข็ง สามารถดูได้จากรอยของหัวตะกร้อที่ไข่ขาวค ถ้ารอยหัวตะกร้อชัดเจนก็แสดงว่าไข่ขาวตั้งยอดแข็งแล้ว
แล้วเปลี่ยนมาตีด้วยความเร็วต่ำสักพัก  เพื่อให้ไข่ขาวเนื้อเนียน 
คราวนี้ต้องผสม 2 ไข่เข้าด้วยกัน ตะล่อมผสมอย่างเบามือให้ 2 ไข่เข้ากัน
เทใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้กระแทกพิมพ์เบา ๆ ไล่ฟองอากาศนิดหน่อย แล้วก็เอาเข้าเตาอบจนสุก

หน้าเค้ก
น้ำ 300 กรัม
น้ำฝรั่งเข้มข้น (Concentrated) 50 กรัม
น้ำตาลทราย 120 กรัม (แต่จุ๋มใช้ 100 กรัมคะ จุ๋มว่า 120 กรัมหวานไปอ่ะ)
แป้งข้าวโพด 25 กรัม
เนยสด 20 กรัม
เอาแป้งข้าวโพดและน้ำเทใส่หม้อ คน ๆ ให้แป้งข้าวโพดละลาย
เติมน้ำตาลทรายและน้ำฝรั่งเข้มข้นลงไป
เติมเนยสดลงไปต่อ
แล้วเอาไปตั้งไฟอ่อน ๆ หมั่นคน ถ้าไม่หมั่นคนแป้งข้าวโพดเป็นลูก
สักพักมันจะข้นขึ้นเรื่อย ๆ กวนจนข้นหน่อยปิดเตา แล้วรอให้อุ่น ๆ หน่อยก่อนเอาไปราดเค้ก

หน้าน้ำฝรั่งอุ่นแล้วเอาเค้กวางลงไป 1 layer เอาหน้ามันปาด ๆ ลงไป
layer ที่สองตามลงไปอีก เอาหน้ามันทาชั้นที่สองต่อ
layer ที่สามวางลงไปต่อ แล้วก็เอาหน้ามันปาด ๆ แล้วปาดด้านข้าง ๆ




วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ข้าวเหนียวมูน 5 สี

ข้าวเหนียวมูน 5 สี
วัตถุดิบ
ข้าวเหนียวมูน–สีขาว
1. สีขาว - ข้าวเหนียวเม็ดงามๆ (แช่น้ำ 3-4 ชม.) 250 กรัม
2. มะพร้าวขูดขาว 250 กรัม 1 1/2 ถ้วย
3. น้ำตาลทราย 1 ถ้วย (180 กรัม)
4. เกลือป่น (กรณีเกลือละเอียดมากลด 1/2 ชช) 1-2 ช้อนชา

ข้าวเหนียวสี
ให้ผสมสีในน้ำกะทิใช้อัตราส่วนด้านบน
5. สีม่วงน้ำเงิน–ดอกอัญชัญ 20 ดอก (คั้นน้ำ-กรอง) หรือสีผสมอาหาร 4-6 ช้อนโต๊ะ
6. สีเหลือง–ดอกกรรณิการ์ (แช่น้ำ) หรือสีผสมอาหาร กรณีถ้าใช้ขมิ้นให้ผสมแช่ข้าวเหนียวได้เลย 4-6 ช้อนโต๊ะ
7. สีเขียว–น้ำใบเตยข้นๆ 1/4 ถ้วย
8. สีแดง–ข้าวเหนียวขาว 200 กรัม ข้าวเหนียวดำ 50 กรัม (แช่น้ำ 3-4ชม.รวมกัน) 250 กรัม

วิธีทำ
1. ข้าวเหนียวขาว – แช่น้ำให้ท่วมทิ้งไว้ 3-4 ชม. 

2. ข้าวเหนียวดำ แช่กับน้ำเดือดจัด พออุ่น ใส่ข้าวเหนียวขาว เติมน้ำให้ท่วม ทิ้งไว้ 3 ชม.

3. น้ำกะทิสำหรับมูนข้าวเหนียว (ถ้าเป็นสีต่างๆ ให้ผสมสีไปด้วย ต้องการใส่สีมากแค่ไหนให้ตักน้ำกะทิออกเท่านั้น เช่น ใส่สี 1/4 ถ้วย ให้ตักกะทิออก 1/4 ถ้วย) 

3.1 สีขาว – ผสมกะทิ 1 1/2 ถ้วย น้ำตาลทราย เกลือ ตั้งไฟกลาง คนให้พอเดือด (กันเสีย) ยกลงพักไว้ 

3.2 สีม่วงน้ำเงิน – กะทิ 1 1/2 ถ้วย (ตักออก 4-6 ชต) น้ำตาลทราย เกลือ น้ำดอกอัญชัญ (4-6ชต) ตั้งไฟกลาง คนให้พอเดือด ยกลงพักไว้ 

3.3 สีเหลือง – ผสมกะทิ 1 1/2 ถ้วย น้ำตาลทราย เกลือ น้ำดอกกรรณิการ์หรือขมิ้นชัน ตั้งไฟกลาง คนให้พอเดือด ยกลงพักไว้ 

3.4 สีเขียว – ผสมกะทิ 1 1/2 ถ้วย (ตักออก 1/4 ถ้วย) น้ำตาลทราย เกลือ น้ำใบเตย (1/4 ถ้วย) ตั้งไฟกลาง คนให้พอเดือด ยกลงพักไว้ 

3.5 สีแดง (สีของขาวเหนียวดำ-ขาว) ผสมกะทิ 1 ถ้วย น้ำตาลทราย เกลือ ตั้งไฟกลาง คนให้พอเดือด (กันเสีย) ยกลงพักไว้ 

4. เตรียมลังถึง น้ำ 2/3 ของลัง ตั้งไฟแรงให้น้ำเดือด ล้างข้าวเหนียวใส่ผ้าขาวบางห่อไว้ให้ระอุ นึ่งให้สุกใช้เวลาประมาณ 25 นาที เทให้หม้อ

5. หม้อใส่ข้าวเหนียวที่นึ่งสุกร้อนๆ เติมน้ำกะทิ (สีที่ต้องการ) ใช้พายคนเร็วๆ ให้เข้ากัน ปิดฝาทิ้งไว้จนเย็นแห้งประมาณ 30 – 40 นาที เปิดฝาออกซุยให้กระจาย

6. จัด – ใส่ข้าวเหนียวในกระทง อย่าให้ล้น กดให้ตรงกลางบุ๋มเล็กน้อย ตักหน้าใส่ตามต้องการ โดยหน้าขนมของข้าวเหนียวแต่ละสีมีตามนี้

ข้าวเหนียวมูน 5 สี ได้แก่ หน้าขนมที่ใช้
สีขาว - กะทิ - หน้าปลาแห้ง
สีม่วงน้ำเงิน - สีดอกอัญชัน - ไข่แมงดา/หน้าจาวตาล/สาเกเชื่อม
สีเหลือง - สีดอกกรรณิการ หรือขมิ้นชัน - หน้ากุ้ง
สีเขียว - สีใบเตย - หน้าสังขยา
สีแดง - ข้าวเหนียวดำรวมกับขาว - หน้ากระฉีก

เคล็ดลับ

ข้าวเหนียวเก่าจะไม่เละมากเท่าข้าวเหนียวใหม่ที่มีความชื้นมาก ข้าวเหนียวดำล้วนๆ จะแข็งไม่นิ่มจึงต้องใส่ข้าวเหนียวขาวผสมเข้าไป บางที่อาจใช้ข้าวเหนียวดำล้วน แต่น้ำนำไปหุงให้สุกก่อนแล้วจึงมูนด้วยน้ำกะทิในหม้อ

ข้าวเหนียวสีอัญชัญหน้าไข่แมงดา

ข้าวเหนียวสีอัญชัญหน้าไข่แมงดา
ข้าวเหนียวสีเขียว 
ไข่แมงดา 
1. ไข่ไก่ 2 ฟอง
2. ไข่เป็ด 4 ฟอง
3. น้ำเชื่อม
4. น้ำลอยดอกไม้ 2 ถ้วย
5. น้ำตาลทราย 2 1/2 ถ้วย
6. ใบตอง

วิธีทำ
1. อ่างตอกไข่ไก่และไข่เป็ดใส่ แยกไข่แดงออกใส่ภาชนะกรองด้วยผ้าขาวบาง รีดไข่น้ำค้างใส่กรองด้วย 
2. กะทะทอง ใส่น้ำตาลทราย น้ำ ตั้งไฟให้เดือด ไม่ต้องคน ดูจนน้ำตาลละลาย แบ่งน้ำเชื่อมไว้สำหรับเป็นน้ำเชื่อมหล่อไข่แมงดา
3. ตัดใบตองเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า 3 ชิ้นประกบกัน ม้วนให้เป็นกรวย ให้ปลายเป็นรูเล็กๆ 
4. พอน้ำเชื่อมเดือด ตักไข่ใส่ที่กรวยใบตอง ค่อยๆ เหยาะไข่ใส่น้ำเชื่อมเป็นหยดๆ ถ้าหยดแล้วแบนแสดงว่าน้ำเชื่อมยังร้อนไม่ได้ที่ ต้องหยดแล้วเป็นเม็ดกลมๆ จึงใช้ได้ เมื่อไข่ลอยตามขอบๆ กะทะแสดงว่าสุกได้ที่ ใช้กระชอนโปร่งช้อนขึ้น ตักใส่หล่อในน้ำเชื่อมที่แยกไว้ ใส่กระทงเสริฟหรือโรยหน้าข้าวเหนียวสีอัญชัญ 

วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ขนมปังไส้แฮมชี


ขนมปังไส้แฮมชี


ขนมปังไส้กะหรี่ไก่




ขนมปังไส้กะหรี่ไก่
กะหรี่ไก่
- เนื้ออกไก่หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็ก          300   กรัม
- หอมหัวใหญ่หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็กๆ     100   กรัม
- หอมแดงสับ   20   กรัม
- มันฝรั่งหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็ก    200   กรัม
- แครอทหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็ก    100   กรัม
- ซอสปรุงรส ( ซีอิ๊วขาว + ซอสฝาเขียว ) 2-3  ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย    1/4 ถ้วย + 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่น   1   ช้อนชา
- พริกไทยป่น    1   ช้อนชา
- ผงกะหรี่   1 + 1/2   ช้อนชา

วิธีทำ
นำมันฝรั่งและแครอทที่หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าไว้ไปต้มในน้ำเดือดสักครู่พอสุก  อย่าให้สุกมากนะคะเดี๋ยวตอนผัดเืนื้อมันฝรั่ง กับ แครอทจะเละ พอสุกแล้ว นำไปแช่น้ำเย็น และสรงให้สะเด็ดน้ำ รอไว้
ตั้งกระทะให้ร้อน นำน้ำมันใส่ลงไป ( เราใช้น้ำมันคาโนลา ) ใส่หอมแดงสับลงไปผัดให้หอมสุกเล็กน้อย แล้วนำเนื้อไก่หั่นสี่เหลี่ยมลงไปผัดให้สุกและแห้ง
แล้วใส่หอมหัวใหญ่ผัดให้สุก บางคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมถึงเอาเนื้อลงก่อนหอมใหญ่ สาเหตุที่เอาเนื้อลงก่อน เพื่อผัดให้สุกและคั่วเนื้อไก่ให้แห้ง ไม่ให้มีน้ำ ถ้าเอาหอมใหญ่ลงผัดก่อน แล้วค่อยเอาเนื้อลง การผัด พอหอมสุก นำ มันฝรั่ง แครอท ลงไปผัด เติมเครื่องปรุงทั้งหมด ผัดให้เข้ากัน ชิมรสดู เพิ่มเติมรสชาติตามชอบ
หลังจากผัดไส้สุกแล้ว ไส้จะแห้งเหนียวๆนิดหน่อยตักใส่ภาชนิทิ้งไว้ให้เย็นสนิท รอเอาไปใส่ไส้ขนมปังต่อไป
ขนมปังหวานสูตรนิ่ม
- แป้งขนมปัง      150   กรัม
- แป้งเค้กบัวแดง      50   กรัม
- ยีสต์แห้ง      1 + 1/4   ช้อนชา
- นมสดอุ่น      120   กรัม  
- น้ำตาลทราย      30   กรัม
- เนยสด      40   กรัม
- เกลือป่น      1/2   ช้อนชา
- นมผง      10   กรัม
- สารเสริมขนมปัง  แพตโก้-3      1/2   ช้อนชา

วิธีทำ

แบ่งนมสดอุ่น ( หยดลงมือแล้วทนความร้อนได้ เราเอานมใส่ไมโครเวฟไป 25 วินาที ) 2 - 3 ช้อนโต๊ะ ใส่ยีสต์จาก คนๆให้ยีสต์ละลายในนมสด
แล้วแบ่งน้ำตาลในสูตรมา 1 ช้อนชา ใส่ลงไป คนๆ ให้น้ำตาลละลาย คนให้เข้ากันดี พักทิ้งไว้ 8-10 นาที ยีสต์จะขึ้นฟู
เอาน้ำตาลที่เหลือละลายในนมอุ่นที่เหลือ เอาไข่เทลงไปด้วย คนๆนิดหน่อยให้เข้ากัน
ใส่แป้งและส่วนผสมที่เป็นของแห้งทั้งหมดลงในหม้อผสม  ใช้ไม้พายคนๆให้เข้ากัน ยกเว้นเกลือ
ทำหลุมตรงกลางเทยีสต์ที่หมักไว้จนขึ้นฟองลงไปในหลุมส่วนผสมแป้ง ใช้ไม้พายคนๆให้ยีสต์กระจายทั่วๆส่วนผสม
เทส่วนผสมของเหลวลงในแป้งส่วนผสมของแห้งทั้งหมด คนๆให้แป้งจับของเหลวให้ทั่วๆ ขยำๆ ด้วยมือ ให้หมดผงแป้ง จับเป็นก้อนรวมไว้
แบ่งเทเนยสดอ่อนตัวลงไป ขยำให้ทั่วๆ นวดพอประมาณ ให้ส่วนผสมเข้ากันพอประมาณ
ทิ้งแป้งที่จับตัวกันแล้ว ให้แป้งพักประมาณ 20 นาที - 1 ชั่วโมง พอได้เวลาแล้วก็ใส่เกลือให้ทั่วๆแป้ง นวดให้เกลือกับแป้งโดว์เข้ากันพอประมาณ
จากขั้นตอนนี้ก็นวดแป้งไปตามปกติ เราเอาแป้งโดว์มานวดที่โต๊ะนวดประมาณ 30 - 40 นาที แป้งก็จะเนียน และขึงเป็นฟิล์มได้  
นวดแป้งโดว์ได้ที่แล้วนะ รวมแป้งเป็นก้อนกลม ใส่ลงในอ่างที่ทาเนยขาวบางๆไว้
ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆหรือพลาสติกแร็พปิด แล้วเราก็เอาใส่ลงในหม้อแสตนเลสที่ใช้ผสมนั่นแหละ พลาสติดแร็พที่ใช้ควรเลือกที่เป็น food grade ใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำหมาดๆ ปิดไว้
แป้งโดว์อืดเป็น 2 เท่าแล้ว ก็ลองเอานิ้วคลุกแป้งสาลีจิ้มลงในโดว์ดู ถ้าได้รอยบุ๋มในแป้ง แป้งไม่กระเด้งขึ้นก็ใช้ได้แล้ว
ชกลมลงในแป้ง 3 ที คลึงแป้งเป็นก้อนกลม ตัดแป้งเป็นส่วนๆ น้ำหนักเท่าๆกัน จากสูตรเต็มข้างบนเราตัดได้ส่วนละ 50 กรัม ได้ 11 ก้อน
คลึงแป้งที่ตัดส่วนให้เป็นก้อนกลม  เรียงแป้งไว้ตามลำดับก่อนหลัง เอาพลาสกติกคลุมไว้และผ้าขาวบางชุบน้ำหมาดๆคลุมทับไว้อีกที ทำจนครบก็เหมือนพักแป้งไว้ประมาณ 7-10 นาที
นำเอาแป้งที่พักไว้ก้อนแรกมาขึ้นรูปตามต้องการ ใส่ไส้ แล้วก็ใส่ถ้วยไว้ หรือเรียงใส่ถาดที่จะอบเอาไว้ ( ในถาดเอากระดาษไขปูถาดไว้ด้วย กันขนมปังติดถาด) เอาพลาสติกคลุมไว้และผ้าขาวบางชุบน้ำหมาดๆคลุมทับไว้ด้วยเหมือนกัน
เปิดเตาอบอุ่นเตาไว้ที่ 180 องศาซี  แป้งที่ขึ้นรูปใส่ไส้แล้ว ก็รอพักไว้ให้แป้งขึ้นเป็น 2 เท่าอีก ประมาณ 40 นาที


 

 

 

 

 

 

วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558

บะหมี่หมูทงคัตสึ

บะหมี่หมูทงคัตสึ
ส่วนผสมและวิธีทำ
เนื้อหมู(สันใน สันนอก หรือสามชั้นแล้วแต่สะดวกค่ะ)
แป้งสาลี (ใช้แป้งชุปทอดโกกิแทน)
ไข่ไก่
เกล็ดขนมปัง
น้ำมันสำหรับทอด
 
ส่วนผสมน้ำซอส
ซอสมะเขือเทศ   1  ช้อนโต๊ะ
ซอสคิโคแมน     1   ช้อนโต๊ะ
น้ำมันหอย         1   ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย       1   ช้อนชา
 
ล้างทำความสะอาดเนื้อหมู แล้วผึ่งให้สะเด็ดน้ำ
ใช้แป้งโกกิแทนแป้งสาลี เอาเนื้อหมูลงคลุกกับแป้งโกกิให้ทั่ว
จากนั้นเอาลงไปคลุกกับไข่ให้ทั่วทั้งสองด้าน
กลับมาคลุกแป้งโกกิใหม่อีกรอบ ตามด้วยไข่ ต่อด้วยคลุกกับเกล็ดขนมปัง
ตั้งกะทะจนน้ำมันร้อนเอาเนื้อหมูลงไปแล้วปิดไฟ รอ 30 วิ กลับด้านเนื้อหมู ทิ้งไว้ 1 นาที เปิดไฟเปลี่ยนเป็นไฟอ่อน ทอดจนเกล็ดขนมปังเกรียมทั้งสองด้านเป็นอันใช้ได้
บะหมี่ต่อ เริ่มด้วยเอาเส้นบะหมี่ไปล้างน้ำก่อน เสร็จแล้วนำไปลวกในน้ำร้อน นำมาผ่านน้ำเย็น
ผึ่งให้แห้ง ไม่ต้องใช้น้ำมันพืชคลุก
 
ทำน้ำซอส
นำส่วนผสมท้ั้งหมดใส่หม้อตั้งไฟเคี่ยวให้เดือดแล้วปิดไฟยกลงเตรียมราดบะหมี่ได้เลย
 

ขนมปังกล้วยหอม

ขนมปังกล้วยหอมส่วนผสม
แป้งขนมปัง  250  กรัม
แป้งอเนกประสงค์  50  กรัม
ยีสต์   1  1/4  ช้อนชา
น้ำตาลทราย  30  กรัม( 2 ช้อนโต๊ะ)
เกลือ  1/2  ช้อนชา
ไข่ไก่  25  กรัม(ที่เหลือเอาไว้ทาหน้า)
กล้วยหอมสุก  150  กรัม
นมสด  50  กรัม
เนยสด  40  กรัม
อัลมอนด์สไลด์สำหรับโรยหน้า

นำส่วนผสมแห้งใส่รวมกันในโถ
ตามด้วยกล้วยหอม เนย และนมสด ใส่ไข่ไก่ลงไป ตีจนแป้งเป็นก้อน
พักแป้งไว้ 1 ช.ม หรือทิ้งให้ขึ้นเท่าตัว
นำมานวดไล่ลม กรุบนพิมพ์ทาเนยขาว
ทิ้งให้ขึ้นอีกเท่าตัว ก่อนอบทาไข่ แล้วโรยด้วยอัลมอนด์สไลด์
อบไฟ 180 c  เวลา 15 นาที

ขนมกล้วย

ขนมกล้วย
ส่วนผสม
กล้วยน้ำว้า 15-20 ลูก
แป้งข้าวจ้าว 1 กิโล
แป้งมัน 250  กรัม
กะทิ  1,500  กรัม
เกลือ  1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 กิโล
มะพร้าวทึนทึกขูด 300  กรัม
 
กล้วยน้ำว้าเลือกแบบงอมหน่อย เพราะจะทำให้รสชาดิออกหวานและหอมกลิ่นกล้วย
ปอกกล้วยแช่น้ำเกลือ เพื่อไม่ให้กล้วยดำก่อนที่จะนำไปผสม
ผสมแป้งทั้งสองชนิดเข้าด้วยกันก่อน
จากนั้นใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไป น้ำตาลทรายอย่าเพิ่งใส่หมด  ลองใส่ก่อนครึ่งหนึ่งพอส่วนผสมแป้ง เข้ากันดีแล้วค่อยลองชิม
ตามด้วยกะทิ คนให้ส่วนผสมเข้ากันดี นำกล้วยไปปั่นให้ละเอียด แต่ถ้าชอบแบบกินกล้วยด้วยก็สามารถนำไปบดหยาบใส่ถุงพลาสติกก็ได้
จากนั้นก็ใส่กล้วยลงไป ตามด้วยมะพร้าวใส่แค่ครึ่งเดียวก่อน คนให้ส่วนผสมเข้ากันดี
จากนั้นก็เตรียมใบตอง เอามาห่อ หรือจะใส่ถ้วยก็ได้ นึ่งน้ำร้อนไฟแรงประมาณ 15 นาที
 

คุ้กกี้กาแฟ

คุ้กกี้กาแฟส่วนผสม
แป้ง 250 ก. (ครั้งนี้ใช้บัวแดง 150 ก. และแป้งเค้ก 100 ก.)
ผงฟู 3/4 ชช.
โซดา 1/2 ชช.
เกลือ 1/4 ชช.
น้ำตาลไอซิ่ง 125 ก.
เนยจืด 125 ก.
วิปปิ้งครีม 60 ก. (ใช้แทนไข่ไก่ 1 ฟอง)
กาแฟสำเร็จรูป 1 1/2 ชช.
กลิ่นวนิลลาบัตเตอร์ 1 ชช.
ผสมวิปปิ้งครีม กาแฟ และกลิ่นเข้าด้วยกัน
ร่อนแป้ง ผงฟู โซดา เกลือ 1 รอบ
ตีเนย และน้ำตาลไอซิ่งเข้าด้วยกัน จนฟูขาว ใส่ส่วนผสมวิปปิ้งครีมที่ทำไว้ลงไปผสมให้เข้ากัน แบ่งแป้งออกเป็น 2-3 ส่วน ผสมลงไปจนเข้ากันดี
บีบลงบนถาดที่ทาเนย หรือวางกระดาษรองอบไว้ อบไฟ 180 C นาน 11-12 นาที

มูสอัญชันมะนาว

มูสอัญชันมะนาวน้ำเปล่า     100  มล.
อัญชัน       20 ดอก
น้ำมะนาว     1/2 ลูก
เจลาติน      2 แผ่น (แช่น้ำเย็นให้นิ่มแล้วสะบัดน้ำออกให้หมด)
วิปปิ้งครีม    200 มล.
น้ำตาลทราย  70 กรัม
เกลือ        1/8 ช้อนชา

วิธีทำ
นำน้ำเปล่า น้ำตาลทราย เกลือและดอกอัญชันใส่หม้อตั้งไฟ ต้มให้เดือดแล้วกรองเอากากออก หย่อนเจลาตินที่นิ่มแล้วลงไป คนให้ละลาย เติมน้ำมะนาวคนให้เข้ากันอีกครั้ง ทิ้งให้เย็น
ตีวิปปิ้งครีมให้ตั้งยอดกลาง เติมน้ำอัญชันลงไปครึ่งนึง คนให้เข้ากันแล้วจึงเติมน้ำอัญชันส่วนที่เหลือลงไป คนให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว
แกะเยลลี่อัญชันออกจากพิมพ์ซิลิโคน วางไว้ตรงกลางของพิมพ์ที่ด้านล่างรองด้วยเค้กเอาไว้ เทมูสอัญชันลงไป เกลี่ยหน้าให้เรียบ นำเข้าช่องฟรีซจนแข็งตัว นำออกจากพิมพ์ตามวิธีที่แนะนำด้านบน พักให้หายแข็งตัวในตู้เย็นช่องธรรมดา

บัวลอยเผือกมะพร้าวอ่อน

บัวลอยเผือกมะพร้าวอ่อน
แป้งข้าวเหนียว ½ ถ้วย
แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
กะทิกระป๋อง (ขนาด 400 มล) 1 กระป๋อง
น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊ป 1 ช้อนโต๊ะ
เผือกต้มสุกบดละเอียด 1 ถ้วย
เกลือป่น ¼ ช้อนชา
เนื้อมะพร้าวอ่อน 100 กรัม 
วิธีทำ
1. เปิดเตาที่ไฟปานกลางค่อนข้างแรง นำเผือกไปนึ่งในหม้อนึ่งประมาณ 20 นาทีหรือจนเผือกสุก เมื่อเผือกสุกแล้ว รอให้เผือกเย็นจึงนำมาขูดเอาแต่เนื้อออกให้หมด
2. นำแป้งข้าวเหนียว แป้งมัน น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา และเกลือป่นนิดหน่อย ผสมลงไปในชามผสมจากนั้น นำเผือกที่ขูดไว้มาผสมกับแป้ง
3. นำกะทิมาแบ่งใส่ถ้วยประมาณ ½ ถ้วย ส่วนกะทิที่เหลือนำไปใส่หม้อไว้ ใส่น้ำกะทิลงไปในส่วนผสมแป้งประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ จากนั้นทำการนวดให้เผือกเข้ากับแป้ง ถ้าแป้งแห้งไปให้เติมกะทิลงไปทีละ 1 ช้อนโต๊ะ นวดไปเรื่อยๆ จนแป้งและเผือกเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน
4. เมื่อนวดจนแป้งเนียนได้ที่แล้วก็ปั้นแป้งเป็นลูกกลมๆ ขนาดประมาณ ¼ นิ้ว ปั้นไปเรื่อยๆ จนแป้งหมด จากนั้น เปิดเตาที่ไฟปานกลางค่อนข้างแรง เอาน้ำเปล่าประมาณ 4 ถ้วยใส่ลงไปในหม้อ ต้มจนน้ำเดือดจึงเอาแป้งที่ปั้นไว้ใส่ลงไป รอจนแป้งสุก (สังเกตว่าแป้งจะลอยขึ้นมาเอง) ก็ช้อนแป้งที่สุกแล้วมาแช่ในน้ำเย็นจัดเพื่อให้แป้งคงตัว
5. เปิดเตาที่ไฟปานกลาง นำกะทิในหม้อไปตั้งบนเตา ใส่น้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊ป และเกลือป่นลงไป หมั่นคนตลอดเวลา จากนั้น นำเนื้อมะพร้าวอ่อนมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ลงไปในกะทิ คนจนกะทิเดือดก็นำเม็ดบัวลอยที่เย็นแล้วใส่ลงในหม้อกะทิ คนให้เข้ากัน

น้ำเชื่อม

การทำน้ำเชื่อม

น้ำเชื่อมชนิดเข้มข้น 
ส่วนผสม
น้ำตาลทราย 4 กิโลกรัม
น้ำสะอาด 2 ลิตร

น้ำเชื่อมชนิดใส
ส่วนผสม
น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม
น้ำสะอาด 1 กิโลกรัม

กาแฟปั่น

กาแฟปั่น 
น้ำแข็งขนาดแก้ว 16 ออนซ์
กาแฟสำเร็จ 2-3 ช้อนชา
ครีมเทียม 2 ช้อนชา
หรือนมสด 4 ออนซ์
น้ำเชื่อม 2 1/2-3 ออนซ์

ไมโลปั่น
น้ำแข็งขนาดแก้ว 16 ออนซ์
ไมโลสำเร็จ 2-3 ช้อนชา
ครีมเทียม 2 ช้อนชา
หรือนมสด 4 ออนซ์
น้ำเชื่อม 2  ออนซ์
นมข้นหวาน 2ช้อนชา

ช็อกโกแลตปั่น
น้ำแข็งขนาดแก้ว 16 ออนซ์
ผงช็อกโกแลตสำเร็จ 1 ช้อนชา
ครีมเทียม 2 ช้อนชา
หรือนมสด 4 ออนซ์
น้ำเชื่อม 2 ออนซ์
นมข้นหวาน 2ช้อนชา

วิธีการปั่นใช้หลักเดียวกันทุกสูตร คือใส่ทุกอย่างลงในโถปั่น แล้วปั่นให้ละเอียด

น้ำมะนาวปั่น

น้ำมะนาวปั่น
ส่วนผสม
น้ำมะนาว 50 กรัม ประมาณ 2 ลูก
น้ำเชื่อม 8ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า สะอาด 1 ถ้วยตวง
เกลือป่นเสริมไอโอดีน 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ
1.นำทุกอย่างใส่รวมกันในเครื่องปั่นผลไม้ 
2.ปั่นให้ละเอียดแล้วเทใส่แก้ว

แตงโมปั่น

แตงโมปั่น
ส่วนผสม
น้ำเชื่อม  2 ออนซ์
น้ำหวานเฮลลูบอย สีแดง  2 ช้อนชา
แตงโม 1 ชิ้นใหญ่
สามารถใส่นมสดได้ 1 ออนซ์ 
น้ำแข็งบดละเอีด 1ถ้วย
วิธีทำ
1.นำทุกอย่างใส่รวมกันในเครื่องปั่นผลไม้ 
2.ปั่นให้ละเอียดแล้วเทใส่แก้วและแต่งหน้าให้สวยงามพร้อมเสิร์ฟ

น้ำสตอเบอรี่ปั่น

น้ำสตอเบอรี่ปั่น
ส่วนผสม 
สตอเบอร์รี่สดผ่าครึ่ง 1 ถ้วย (ใช้สตอเบอร์รี่แช่แข็งก็ได้ค่ะ หาซื้อได้ที่ ห้างmakro)
นมข้นหวาน 1 ออนซ์ 
โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ออนซ์ 
นมสดรสจืด 2 ออนซ์ 
น้ำมะนาว 1 ช้อนชา 
น้ำแข็งบดละเอียด 1 ถ้วย
วิธีทำ 
1.นำทุกอย่างใส่รวมกันในเครื่องปั่นผลไม้ 
2.ปั่นให้ละเอียดแล้วเทใส่แก้ว และฝานสตรอเบอรี่สดแต่งหน้า

น้ำสัประรดปั่น

น้ำสัประรดปั่น
ส่วนผสม 
เนื้อสับปะรด 1 ถ้วยตวง (หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า) 
น้ำสับปะรด 1/2 ถ้วยตวง 
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ 
น้ำเชื่อม 8 ช้อนโต๊ะ 
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา 
น้ำแข็งบดละเอียด 1ถ้วยตวง 
วิธีทำ 
1.นำส่วนผสมทุกอย่างใส่รวมกันในเครื่องปั่นผลไม้ 

2.ปั่นให้ละเอียดแล้วเทใส่แก้ว

น้ำแครอทปั่น

น้ำแครอทปั่น
ส่วนผสม 
แครอทหั่นเล็ก ๆ 3 ช้อนโต๊ะ 
น้ำเชื่อมเข้มข้น 8 ช้อนโต๊ะ 
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ 
เกลือ 1 /4ช้อนชา 
น้ำแข็งบดละเอียด 1 ถ้วย

วิธีทำ 
1.นำส่วนผสมทุกอย่างใส่รวมกันในเครื่องปั่นผลไม้ 
2.ปั่นให้ละเอียดแล้วเทใส่แก้ว 

น้ำแอปเปิ้ลปั่น


น้ำแอปเปิ้ลปั่น
ส่วนผสม 
แอปเปิ้ลแดงหรือเขียวหั่น 1/2 ถ้วย 
น้ำเชื่อม 3 ช้อนโต๊ะ 
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา 
น้ำแข็งป่น 1 แก้ว 
น้ำมะนาวเล็กน้อย เพื่อเพิ่มความเปรี้ยว 
น้ำแข็งบดละเอียด 1 ถ้วย
วิธีทำ 
1.ล้างแอปเปิ้ลให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วใส่เครื่องปั่น หากชอบรสชาติเปรี้ยว อาจจะเติมน้ำมะนาวลงไปอีกเล็กน้อย 
2.ใส่น้ำแข็ง น้ำเชื่อม และเกลือเล็กน้อย ปั่นให้น้ำแข็งละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน จึงเทใส่แก้ว

น้ำส้มปั่น


น้ำส้มปั่น
ส่วนผสม 
ส้ม 4-5 ลูก 
น้ำเชื่อม 3 1/2-4 ออนซ์ 
เกลือป่นเล็กน้อย 
น้ำมะนาวเล็กน้อย เพื่อเพิ่มความเปรี้ยว 
น้ำแข็งบดละเอียด 1 ถ้วย
วิธีทำ 
1.นำส่วนผสมทุกอย่างใส่รวมกันในเครื่องปั่นผลไม้ 
2.ปั่นให้ละเอียดแล้วเทใส่แก้ว และตกเเต่งให้สวยงามด้วย

น้ำกล้วยหอมปั่น


น้ำกล้วยหอมปั่น
ส่วนผสม 
กล้วยหอมหั่นท่อนสั้น 1 ถ้วย 
นมสด 3 ช้อนโต๊ะ 
น้ำเชื่อม 1/ 2 ถ้วย 
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา 
น้ำแข็งบดละเอียด 1 ถ้วย
วิธีทำ 
1. ใส่กล้วยหอม นมสด น้ำเชื่อม เกลือป่น น้ำแข็งและน้ำต้มลงในโถปั่น ปั่นให้เข้ากันดี 
2. เทใส่แก้วทรงสูง เสิร์ฟพร้อมหลอดดูด และไม้ คน หรือ จะแช่เย็นดื่มโดยไม่ใส่น้ำแข็ง

ข้าวหมาก


ข้าวหมาก
ส่วนผสม1. ข้าวเหนียวเก่า 1 กก.
2. ลูกแป้งข้าวหมาก 1 ลูก

วิธีทำ
- บดลูกแป้งโดยใช้ช้อนบดในชามให้ละเอียด
- ล้างข้าวเหนียวและแช่น้ำประมาณ 6 ชั่วโมง
- เอาขึ้นจากน้ำ ให้สะเด็ดน้ำแล้วรองด้วยผ้าขาวบาง นึ่งด้วยซึ้ง หรือหวด นึ่งจนข้าวเหนียวสุกทั่วถึงกัน ประมาณ 20-30 นาที หรือให้พอสูก อย่านึ่งจนสุก จะทำให้ข้าวหมากเละ หรือแฉะ ทำข้าวหมากแล้วจะเปรี้ยว
- หลังจากนึ่งเสร็จแล้วนำไปผึ่งข้าวให้เย็น 10-20 นาที
- นำมาล้างด้วยน้ำสะอาด 3 ครั้ง (ถ้าใช้น้ำประปาควรนำน้ำประปาใส่ถังทิ้งไว้ 3-4 วัน เพื่อให้หมดคลอลีน)
- ล้างเสร็จแล้ว นำมาผึ่งในตระแกรงให้แห้งประมาณ 30-60 นาที แล้วแต่อากาศ คือให้สะเด็ดน้ำให้แห้งมากที่สุด
- นำไปใส่ภาชนะที่แห้ง หรือถาด เกลี่ยข้าวให้กระจายหนาเท่า ๆ กัน แล้วโรยและคลุกลูกแป้งข้าวหมากให้สม่ำเสมอเบา ๆ (ใช้ลูกแป้ง 1 ลูก ต่อข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม) โดยเหลือแป้งข้าวหมากไว้นิดหน่อยสำหรับตอนบรรจุลงภาชนะ
- บรรจุใส่ภาชนะที่แห้งและสะอาด เช่น กล่อง หรือห่อใบตอง โดยโรยผงลูกแป้งไว้ก้นภาชนะ แล้วตักข้าวเหนียวใส่ให้ข้าวเรียงตัวกันหลวม ๆ ไม่กดแน่น ไม่ควรหนามาก และให้มีที่ว่างเหนือภาชนะเพื่อให้มีอากาศเพียงพอ แล้วโรยผงลูกแป้งด้านบนอีกครั้ง
- นำไปบ่ม โดยนำผ้าคลุมผ้าขาวบาง ถ้าอากาศหนาวก็คุมผ้าหนาๆ หน่อย ประมาณ 2 คืน



ม้าฮ่อ


ม้าฮ่อ
ส่วนผสม1. หมูสับ 1/2 ถ้วย (สามารถผสมกุ้งสับได้ด้วย จะทำให้อร่อยยิ่งขึ้น)
2. หอมใหญ่สับ 1 หัว
3. ถั่วป่น 1/4 ถ้วย
4. ไชโป้วหวานสับ 1/4 ถ้วย
5. กระเทียม รากผักชี พริกไทยโขลก 1 ชต
6. น้ำตาลปีบ 4-5 ชต
7. เกลือ 1-2 ชช
8. น้ำมันสำหรับผัด
9. ผักชีเด็ดเป็นใบๆ (สำหรับแต่งหน้า)
10. พริกชี้ฟ้าแดง ซอยเป็นเส้นๆ (สำหรับแต่งหน้า)
11. สับปะรด (สามารถเปลี่ยนเป็นส้มเขียวหวาน หรือลูกกีวี่ได้)

วิธีทำ
- ผัดกระเทียม รากผักชี พริกไทยที่โขลกไว้กับน้ำมันให้หอม
- ใส่หมูสับ หอมใหญ่ ผัดจนสุกนิ่ม ใส่ไชโป้ว ถั่วป่น
- เติมน้ำตาลปีบ เกลือ ผัดจนแห้ง ชิมรสให้พอดี เค็มๆ หวานนำ ตักใส่ชามพักไว้
- ปอกและหั่นสับปะรดเป็นชิ้นพอคำ ตักไส้วางบนชิ้นสับปะรด แต่งด้วยพริกแดง ผักชี
- ส้มเขียวหวานผ่ากลางกลีบออก ตักไส้วางบนชิ้นส้ม แต่งด้วยพริกแดง ผักชี
- ลูกกีวี่ปอกและหั่นตามแนวขวาง ตักไส้วางบนชิ้นกีวี่ แต่งด้วยพริกแดง ผักชี

เฟรนซ์ฟรายส์เผือก


เฟรนซ์ฟรายส์เผือก
ส่วนผสม1. เผือกขนาดใหญ่ 1 หัว (1/2 กก.)
2. เกลือป่น 1 ชช.
3. พริกไทยป่น (ถ้าชอบ)
4. น้ำมันสำหรับทอด 1/2 ขวด
5. น้ำปูนใส

วิธีทำ
- ปอกเปลือกเผือกแล้วล้างน้ำให้ยางเหนียวๆ ออกจากหัวเผือก
- หั่นเป็นชิ้นลักษณะยาว (รูปแบบเฟรนซ์ฟรายส์)
- เตรียมน้ำปูนใส โดยนำน้ำสะอาดใส่กะละมังเล็ก ประมาณ 1/3 ส่วน ละลายปูนแดงใส่ลงไป ประมาณ 1 ช้อนชา รอให้น้ำใส จึงรินออกมาใช้ เรียกว่าน้ำปูนใส นำเผือกลงแช่ในน้ำปูนใสประมาณ 10 -15 นาที จากนั้นนำขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำ
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันในปริมาณพอควร (น้ำมันต้องท่วมเฟรนซ์ฟรายส์) ใช้ไฟกลาง รอจนน้ำมันร้อน ใส่เฟรนซ์ฟรายส์ลงในกระทะ เกลี่ยเบาๆ ให้น้ำมันท่วมเฟรนซ์ฟรายส์ให้ทั่ว และอย่าไปคนมันอีก รอจนกว่าเฟรนซ์ฟรายส์จะเหลืองได้ที่จึงค่อยนำขึ้น พักให้สะเด็ดน้ำมัน
- โรยเกลือป่นเล็กน้อย (พริกไทยป่น ถ้าชอบ) ในขณะที่เฟรนซ์ฟรายส์กำลังร้อนๆ จะทำให้รสชาติดีขึ้น กรอบๆ มันๆ เค็มๆ
- รับประทานกับซอสมะเขือเทศ ซอสพริก หรือมายองเนส ตามชอบ

ปอเปี๊ยะเห็ดเข็มทอง

 
 
ปอเปี๊ยะเห็ดเข็มทอง
ส่วนผสม1. เห็ดเข็มทอง 100 กรัม
2. แผ่นปอเปี๊ยะ 5 แผ่น
3. ซอสปรุงอาหาร 1 ช้อนชา
4. ไข่ไก่ 1 ฟอง
5. น้ำมันปาล์ม 500 กรัม
6. น้ำจิ้มบ๊วย ตามชอบ

วิธีทำ
1. นำเห็ดเข็มทอด ใส่ซอสปรุงอาหาร เข้าเวฟ 1 นาที คนให้เข้ากัน
2. ตัดแผ่นเป็น 4 ชิ้น ตามเล้นทะแยงมุม
3. นำเห็ดเข็มทอง ใส่บนแผ่นปอเปี๊ยะแล้วห่อด้วยแผ่นปอเปี๊ยะ แล้วนำไข่ทาปลายแผ่นปอเปี๊ยะเพื่อให้แผ่นปอเปี๊ยะติดกันดี
4. ตั้งกระทะน้ำมันท่วม นำปอเปี๊ยะลงทอดให้เหลืองกรอบ สะเด็ดน้ำมัน ทานคู่กับน้ำจิ้มบ้วย


แหนมกระดูกหมู

แหนมกระดูกหมูส่วนผสม1. กระดูกอ่อนหมู 250 กรัม
2. ข้าวเหนียวนึ่ง 30 กรัม
3. กระเทียมไทยแกะเปลือก 30 กรัม
4. เกลือ 1 ช้อนชา
5. ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำเปล่าสำหรับผสมข้าวเหนียว 1 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำมันพืชสำหรับทอด 2 ½ ถ้วยตวง

เครื่องเคียง
ถั่วลิสงทอด มะนาวหั่น 4 เหลี่ยม ชิ้นเล็ก ขิงหั่น 4 เหลี่ยมชิ้นเล็ก พริกขี้หนูสวน ฯลฯ

วิธีทำ
1.ล้างกระดูกอ่อนหมูให้สะอาดหั่นเป็นชิ้นพอคำ แล้วใส่อ่างผสมพักไว้
2.นำข้าวเหนียวนึ่งผสมกับน้ำเปล่า พักไว้
3.โขลกกระเทียมพอละเอียด ใส่ข้าวเหนียวลงไปโขลกด้วยกันพอละเอียด เพื่อไม่ต้องเสียเวลาในการขยำข้าวเหนียวกับกระดูกอ่อนให้เข้ากันนาน
4.ตักข้าวเหนียวกับกระเทียมที่โขลกใส่ลงไปในอ่างผสมขยำให้เข้ากันกับเนื้อหมู จากนั้นใส่เกลือและซีอื้วขาวลงไป ขยำให้เขาเป็นเนื้อเดียวกันอีกครั้ง ตักใส่ถุงหรือหรือภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด เก็บไว้ในอุณหภูมิปกติ นาน 3 คืน หากไม่ชอบเปรี่ยวมากให้เก็บไว้ประมาณ 2 คืนเป็นใช้ได้
5.ตั้งกระทะน้ำมันบนไฟกลางพอร้อน ใส่แหนมกระดูกอ่อนหมูลงไปทอดจนสุก เหลือง ปิดไฟ ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
6.จัดเรียงใส่จานตกแต่งให้สวยงามเสิร์ฟพร้อมกับ เครื่องเคียง

ไตปลาแห้ง


ไตปลาแห้ง
ส่วนผสมเครื่องแกงตะไคร้ 2ต้น
ข่า 1ท่อน
ขมื้น ครึ่งท่อน (ชอบให้เหลืองๆ ใส่มากหน่อย)
พริกแห้ง และ พริกสด
กระเทียม หอมแดง
ใบมะกรูด
เอาทั้งหมดใส่เครื่องบดเลย แล้ว ใส่กะปิ ประมาณ1 ช้อนชา

วิธีทำ
- ไตปลา 1/2 ขวด (ขนาดขวดยาคูลท์) เติมน้ำ ใส่ตะใคร้ทุบแล้วสับ 1 ต้น ใบะกรูด 3-4 ใบ ต้มจนหอมแล้วกรองเหลือแต่น้ำ
- จากนั้นนำเครื่องแกงที่บดแล้ว ยังอยู่ในเครื่อง ใส่น้ำตาลปิ๊ป และปลาทูน่า ผสมในน้ำเกลือ 2 กระป๋อง (เอาน้ำออกแล้ว)
- ตั้งไฟ ใส่น้ำมันเล็กน้อย เอาที่บดในเครื่อง มาผัดจนหอม เติมน้ำไตปลา แล้วผัดต่อจนแห้ง ชิมดู(ไม่ต้องใส่เกลือเพราะไตปลาเค็มอยู่แล้ว) เสร็จแล้วโรยหน้าด้วยใบมะกรูดหั่นฝอยๆ

ผัดพริกปลาร้า


ผัดพริกปลาร้า
ส่วนผสม1. ข่า
2. ตะไคร้
3. ผิวมะกรูด
4. หัวหอม
5. หัวกระเทียม
6. พริกแห้ง
7. มะพร้าวขูดละเอียด (ประมาณ 1 ถ้วยตวง)
8. น้ำมันพืช
9. ใบมะกรูดหั่นฝอย
10.ใบโหระพา
11.ปลาร้าสับละเอียด (ถ้าเป็นปลาตัวใหญ่ ล้างด้วยน้ำเพื่อลดความเค็มเลาะก้างออก ใช้แต่เนื้อ ถ้าเป็นปลาเล็กๆ สับละเอียดทั้งตัว ใช้ประมาณ 1/2 ถ้วยตวง)
12.เนื้อปลาร้าหั่นเต๋า พอประมาณ

วิธีทำ
- โขลกเครื่องแกงให้ละเอียด (อย่าใส่เกลือลงไปเพราะปลาร้าเค็มอยู่แล้ว)
- นำปลาร้าสับละเอียดลงไปคลุกรวมกับพริกแกงที่โขลกละเอียดแล้ว ให้เข้ากันหรือจะใช้สากช่วยย้ำๆ เนื้อปลาด้วย
- นำมะพร้าวขูดละเอียดลงไปคลุกเช่นเดียวกับปลาร้า
- นำกระทะตั้งเตา ใส่น้ำมันนิดหน่อย พอร้อนให้ตักส่วนผสมที่ได้ทั้งหมดลงในกระทะ ตามด้วยเนื้อปลาร้าหั่นเต๋า (ใช้ไฟปานกลางและค่อยๆ หรี่ให้อ่อนลงตามลำดับ)
- ผัดส่วนผสมทั้งหมดไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเป็นเนื้อร่วน ไม่จับเป็นก่อน (เวลาผัดใช้ตะหลิวกดๆ บ้าง เพื่อไม่ให้ส่วนผสมจับกันเป็นก้อน)
- พอส่วนผสมเริ่มร่วน ให้ใช้ไปอ่อนๆ ผัดไปเรื่อยๆ จนแห้งดี โรยด้วยใบมะกรูดหั่นฝอย และใบโหระพา เสริฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ

ข้าวผัดเขียวหวาน

ข้าวผัดเขียวหวานส่วนผสม1. ข้าวสวยหุงน้ำน้อย 2 ถ้วย
2. เนื้อหมู หรือไก่ หรือกุ้ง หมึก
3. กะทิ ½ ถ้วย
4. พริกแกงเขียวหวาน 2 ช้อนโต๊ะ
5. มะเขือเปาะ 2-3 ลูก (หรือมะเขือพวง)
6. ใบโหระพา ใบมะกรูดฉีก พริกชี้ฟ้าแดงซอย

วิธีทำ
- ตั้งกะทะผัดพริกแกงให้หอม ลงกะทิผัดให้แตกมัน จากนั้นใส่เนื้อหมู หรือไก่ หรือกุ้ง หมึก มะเขือเปาะ (หรือมะเขือพวง) ใบมะกรูด ผัดให้สุกหอมเข้ากันดี
- นำข้าวมาผัดกับเครื่องแกงเขียวหวาน ปรุงรสด้วยผงปรุงรส ชูรส น้ำปลา น้ำตาล ผัดพอเข้ากันดีแล้ว ใส่ใบโหระพา พริกชี้ฟ้าแดงซอย ผัดให้เข้ากันตักใส่จาน

ข้าวผัดต้มยำ


ส่วนผสมข้าวผัดต้มยำ1. ข้าวสวย 1 ถ้วย
2. น้ำพริกเผา 2 ช้อนโต๊ะ (ถ้าใช้น้ำพริกเนื้อหยาบ และไม่มีรสหวานจะอร่อยยิ่งขึ้น)
3. อาหารทะเล เช่น กุ้ง หมึก หรือเนื้อไก่ หมู ตามใจชอบ
4. เห็ดฟาง 5 ดอก
5. ข่าอ่อน หั่นชิ้นเล็กๆ 2 แว่น
6. ตะไคร้ ซอยชิ้นเล็กๆ 1 ต้น
7. ใบมะกรูด ฉีกชิ้นเล็กๆ 4-5 ใบ
8. ผักชีฝรั่ง หั่นหยาบ 2 ต้น
9. มะนาว 1 ลูก
10. เครื่องปรุงประกอบด้วย ผงปรุงรส ชููรส น้ำปลา น้ำตาลทราย ซอสหอย
11. กระเทียมบด เล็กน้อย

วิธีทำ
- คลุกข้าวสวยกับน้ำพริกเผาให้เข้ากัน
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อย เจียวกระเทียมบดให้เหลือง ใส่อาหารทะเล หรือ ไก่ หมู ผัดให้สุก
- ใส่ข้าวที่คลุกน้ำพริกเผาแล้วลงในกระทะ
- ใส่ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด แล้วผัดให้เข้ากัน
- ปรุงรสด้วย ผงปรุงรส ชููรส น้ำปลา น้ำตาลทราย ซอสหอย กะประมาณให้พอดี
- ใส่ผักชีฝรั่ง และบีบมะนาว
- ชิมรสให้ออกรสเปรี้ยว หวาน เค็ม พอประมาณ
- รับประทานกับผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว

ชูครีมสอดไส้ไอศกรีมราดซอสช็อกโกแลต


ชูครีมสอดไส้ไอศกรีมราดซอสช็อกโกแลต
วัตถุดิบ
1. แป้งชู 400 กรัม
2. ไอศกรีมวานิลา 1 กล่อง
ซอสช็อกโกแลต
3. น้ำ 1/2 ถ้วย
4. ผงโกโก้ 30 กรัม
5. น้ำตาลไอซิ่ง 70 กรัม
6. วิปครีม 1/2 ถ้วย
7. ช็อกโกแลต 70% 100 กรัม

วิธีทำ
1. ซอสช็อกโกแลต– หม้อใส่น้ำ ผงโกโก้ น้ำตาล ตั้งไฟกลาง คนผสมให้ละลายเข้ากัน ให้เดือดประมาณ 1 นาที ยกออกจากเตา ใช้อีกหม้อใส่ครีม ตั้งไฟรอให้เดือด นำไปเทใส่ชอคโกแลต 70% ผสมกัน จนละลายข้ากัน ใส่ชามหรือถ้วย นำหม้อผสมผงโกโก้ที่พักไว้เทใส่ ใช้พายค่อยๆ คนผสมอย่าให้มีฟองอากาศ
2. แป้งชูจุ่มในช็อกโกแลต ทิ้งไว้ให้แห้งโดยเข้าตู้เย็น แล้วใช้มีดฝานแป้งชูด้านบนให้เป็นฝา นำไอศครีมวานิลบีบใส่เป็นไส้ เสริฟกับซอสช็อกโกแลต

ตัวแป้งชู
1. แป้งสาลี (ร่อน) 125 กรัม
2. น้ำ 250 กรัม
3. เกลือ 5 กรัม
4. น้ำตาล 5 กรัม
5. เนย 80 กรัม
6. ไข่ไก่ 4-5 ฟอง

วิธีทำ
1. ตัวแป้ง – หม้อใส่น้ำ เนย เกลือ น้ำตาล ตั้งไฟดูให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน พอเดือด ร่อนแป้งใส่ผสมคนให้เข้ากัน กวนจนแป้งร่อนไม่ติดหม้อ ปิดไฟ (ยกออกจากเตา) คนต่อเพื่อระบายความร้อน ใส่ไข่ (ค่อยๆ ใส่ทีละนิด) ลงในแป้ง คนผสมให้เข้ากันดูไม่ให้เหลวหรือข้นจนเกินไป (ถ้าแหวกแป้งแล้วค่อยๆ ไหลกลับเข้าหากันเป็นใช้ได้)
2. ถุงบีบใส่แป้งที่กวนเสร็จ บีบใส่ถาดอบทาด้วยเนยบางๆ หรือปูด้วยกระดาษไข บีบเป็นก้อนกลมตามขนาดที่ต้องการ ใช้แปรงจุ่มเนยเหลวทาหรือ แตะหน้าแป้งที่บีบแล้ว นำเข้าอบอุณหภูมิ 180C – 200C ขึ้นกับขนาด ใช้เวลาประมาณ 20 – 30 นาที จนแป้งพองฟูขึ้น

น้ำพริกระกำ


น้ำพริกระกำ
ระกำปลอกเปลือกเอาแต่เนื้อ 3 ช้อนโต้ะ
กะปิ 1 ช้อนโต้ะ
กระเทียมบด 2 ช้อนโต้ะ
พริกสดบด 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 1 ช้อนชา
กุ้งแห้ง 1 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต้ะ
ผักสดสำหรับกินกับน้ำพริก เช่น มะเขือ แตงกวา ถั่วฝักยาว หน่อไม้

วิธีทำน้ำพริกระกำ

1. เตรียมครก นำเนื้อระกำ กุ้งแห้ง กระเทียม และ พริกสด โขรกให้ละเอียด เข้ากัน
2. จากนั้นใส่ กะปิ น้ำตาล และน้ำปลา ลงไปโขรกให้เข้ากันกับส่วนผสมข้างต้น
3. เสริฟน้ำพริกระกำใส่ถ้วยน้ำจิ้ม เสริฟพร้อมผักเคียง

วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2558

ก๋วยเตี๋ยวหลอดเจ


ก๋วยเตี๋ยวหลอดเจ
หน้าก๋วยเตี๋ยวหลอด
รากผักชี 5 ราก
เม็ดพริกไทยขาว 1½ ช้อนชา
ขิงแก่ 5 กรัม
อบเชย 2 ก้าน
ใบกระวาน 2 ใบ
โป๊ยกั๊ก 3 ดอก
น้ำตาลปี๊บ 80 กรัม
ซอสปรุงรส 1½ ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 4 ช้อนโต๊ะ
เต้าหู้เนื้อแข็ง 300 กรัม
คอนยักกุ 80 กรัม
โปรตีนเกษตร 100 กรัม
เห็ดหอมแห้ง 6 ดอก
น้ำมันรำข้าว 2 ช้อนโต๊ะ

อื่นๆ
เส้นใหญ่ 400 กรัม
ถั่วงอก 300 กรัม
ผักชี (สับ) สำหรับเสิร์ฟ
คื่นช่าย (สับ) สำหรับเสิร์ฟ

น้ำมันไชโป๊ว
ไชโป๊ว (สับ) 80 กรัม
ขิงแก่ (สับ) 1 ช้อนชา
น้ำมันรำข้าว 3 ช้อนโต๊ะ

น้ำจิ้มซีอิ้ว
พริกชี้ฟ้า 1 เม็ด
ซีอิ๊วหวาน 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
ขิงแก่ 2 แว่น

วิธีทำ
1. ทำหน้าก๋วยเตี๋ยวหลอด โดยแช่โปรตีนเกษตรในน้ำสะอาด 10 นาที บีบน้ำออก แล้วสับหยาบๆ พักไว้
2. โขลกรากผักชี พริกไทย และขิง ให้เข้ากันดี
3. แช่เห็ดหอมแห้งในน้ำจนนุ่มดี บีบน้ำออก แล้วซอยเป็นแผ่น
4. ในกระทะใบเล็ก ใส่น้ำตาลปี๊บลงไป เคี่ยวจนได้สีเป็นคาราเมล แล้วจึงใส่น้ำสะอาดลงไป ½ ถ้วย พอเดือดก็ยกออกจากความร้อน พักไว้
5. นำน้ำมันรำข้าวตั้งไฟ นำเห็ดหอม และเครื่องที่โขลกพักไว้ลงไปเจียว พอหอมดี ก็ใส่น้ำตาลที่พักไว้ลงไป ตามด้วยซอสปรุงรส และซีอิ๊วขาว ใส่คอนยักกุ เต้าหู้ และโปรตีนเกษตรลงไป ผัดเบาๆ ให้เครื่องได้สี หลังจากนั้นจึงใส่น้ำลงไปอีก 1 ลิตร กับใบกระวาน โป๊ยกั๊ก และก้านอบเชย ต้มด้วยไฟอ่อนๆ ประมาณ 15 นาที
6. สับไช้โป๊ยกับขิงแก่ นำไปเจียวกับน้ำมัน พักไว้
7. นำซีอิ๊วหวาน น้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย ขิง และน้ำ 2 ช้อนโต๊ะไปตั้งไฟ เคี่ยวให้รสเข้ากันดี ตักออก พักให้เย็นดี แล้วจึงซอยพริกชี้ฟ้าแดงใส่ลงไป
8. นำเส้นก๋วยเตี๋ยวและถั่วงอกไปนึ่งบนลังถึง ให้ร้อนดี
9. เมื่อต้องการรับประทาน ก็นำก๋วยเตี๋ยวมาคลุกกับน้ำมันไช้โป๊ยที่พักไว้ ใส่ถั่วงอกตามลงไป ราดหน้าด้วยเครื่องที่พักไว้ โรยด้วยผักชีและคื่นช่ายสับ เสิร์ฟกับซีอิ๊วปรุงรส

วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2558

น้ำระกำ


น้ำระกำ
ส่วนผสม
ระกำเปรี้ยว
น้ำตาลทราย
เกลือ
น้ำเปล่า
น้ำแข็งบดละเอียด

วิธีทำ
1.ปอกเปลือกระกำ ล้างทำความสะอาด และบั้งเพื่อให้รสเปรี้ยวออกมาเร็วขึ้นขณะต้ม
2.ตั้งหม้อน้ำ ใส่น้ำตาล และเกลือ ปรุงรสตามชอบ ตั้งให้เดือด
3.ใส่ระกำที่เตรียมไว้ลงไปต้ม จะมีเศษขาว ๆ ที่ติดกับระกำหลุดออกมาให้ช้อนขึ้นให้หมดเพื่อความสวยงาม
4.ต้มไฟอ่อนไปเรื่อย ๆ ให้ความเปรี้ยวจากระกำออกมา จากนั้นระกำจะลอยขึ้นมา ชิมรสอีกครั้งตามชอบ แล้วก็ปิดไฟ
5.ปล่อยทิ้งไว้ให้เย็น รสชาดจะเข้มข้นขึ้น ตักน้ำแข็งใส่แก้ว ใส่น้ำระกำลงไปแล้วใส่เนื้อลงไปด้วยสักสองสามเม็ด ดื่มแล้วอร่อย

ขอขอบคุณสูตรและภาพจาก ครัวบ้านเนินน้ำ

ขนมจีนน้ำพริกเจ


ขนมจีนน้ำพริกเจ
ส่วนผสม
• ถั่วเขียวเลาะเปลือก ต้มสุก 2 ถ้วยตวง
• ถั่วลิสงคั่วป่น ½ ถ้วยตวง
• น้ำตาลปีป 1 ½ ถ้วยตวง
• ซิอิ๊วขาว ½ ถ้วยตวง
• เกลือป่น 1 ช้อนชา
• น้ำมะขามเปียก ¾ ถ้วยตวง
• หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง
• หางกะทิ 1 ½ ถ้วยตวง
• ข่าหั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
• เห็ดฟางสับละเอียด 1 ถ้วยตวง
• น้ำมันพืช ½ ถ้วยตวง
• พริกขี้หนูป่น 1-2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมะกรูด 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำส้มซ่า 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
• เนื้อระกำ 3 ช้อนโต๊ะ
• มะกรูดผ่าครึ่ง 1 ผล
• ขิงหั่นฝอย เจียว 1 ช้อนโต๊ะ
• ขนมจีน 1 กิโลกรัม
• พริกแห้งทอด 5 เม็ด
• ผัก เช่น หัวปลีหั่นฝอย, มะระต้ม, ผักบุ้งหั่นฝอยลวก

วิธีทำ
• ผสมน้ำตาลปีป ซิอิ๊วขาว เกลือป่น น้ำมะขามเปียก นำขึ้นตั้งไฟ ชิมให้ได้ 3 รส
• ปั่นถั่วเขียวเลาะเปลือก และถั่วลิสงคั่วกับหางกะทิ 1/2 ถ้วยตวง
• เจียวพริกขี้หนูป่นกับน้ำมันพืชจนได้น้ำมันสีแดงสวย
• ตั้งกระทะใส่หัวกะทิ พอเดือดใส่ข่า เห็ดฟาง แล้วใส่ส่วนผสมในข้อที่ 2 จากนั้นใส่หางกะทิที่เหลือต้มเดือด 5 นาที ยกลง
• ปรุงรสด้วยส่วนผสมข้อที่ 1 และน้ำมะกรูด น้ำส้มซ่า น้ำมะนาว เนื้อระกำ ชิมให้ได้ 3 รส หวาน เปรี้ยว เค็ม
• ใส่มะกรูดผ่าซีก แล้วใส่พริกขี้หนูป่นเจียวและพริกแห้งทอด ขิงเจียว ราดบนขนมจีน

มี่สั้วแกงเขียวหวานเจ


มี่สั้วแกงเขียวหวานเจ
ส่วนผสม
• น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำพริกแกงเขียวหวานเจ 1/4 ถ้วย
• หัวกะทิ 1/2 ถ้วย
• หางกะทิ 1 ถ้วย
• ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา
• เกลือสมุทร 1/2 ช้อนชา + 1/4 ช้อนชา
• น้ำตาลปี๊บ 1 1/2 ช้อนชา
• มะเขือเปราะผ่าสี่ 2-3 ลูก
• มะเขือพวง 1/2 ถ้วย
• กุ้งเจ (ตัวละ 10 กรัม) 10 ตัว
• ใบมะกรูดฉีก 3 ใบ
• ใบโหระพา 1/2 ถ้วย
• พริกขี้หนูสวน 15 เม็ด
• มี่สั้วเจ (ห่อละ 200 กรัม) 1/2 ห่อ
• ใบโหระพาสำหรับตกแต่ง

น้ำพริกแกงเขียวหวานเจ
• พริกขี้หนูสีเขียวเม็ดใหญ่ (พริกจินดา) 29 เม็ด
• พริกขี้หนูสวนสีเขียว 15 เม็ด
• เกลือสมุทร 1/2 ช้อนชา
• พริกไทยขาวเม็ด 5 เม็ด
• ข่าแก่หั่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
• ตะไคร้ซอย 2 ช้อนโต๊ะ
• ผิวมะกรูดหั่นละเอียด 1 ช้อนชา
• เต้าเจี้ยวดำหรือเต้าหู้ยี้ 1 ช้อนโต๊ะ

ขั้นตอน
1. ทำน้ำพริกแกงเขียวหวานเจโดยโขลกพริกขี้หนูทิ้งสองชนิด เกลือ และพริกไทย ให้ละเอียด ใส่ข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูด โขลกต่อจนละเอียดเข้ากันดี ใส่เต้าเจี้ยวดำหรือเต้าหู้ยี้ โขลกจนละเอียดเข้ากันดี ตักใส่ถ้วย พักไว้
2. ตั้งกระทะบนไฟกลาง ใส่น้ำมัน พอร้อนใส่น้ำพริกแกงเขียวหวานเจลงผัดให้หอม ใส่หัวกะทิ ผัดพอทั่ว เคี่ยวให้แตกมัน ใส่หางกะทิ คนให้ทั่ว ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว เกลือ น้ำตาล ชิมรสเค็ม หวาน เผ็ดหอมพริก ใส่มะเขือเปราะ มะเขือพวง พอสุก ใส่กุ้งเจ ใบมะกรูด ใบโหระพา พอสุกหอม ใส่พริกขี้หนู ยกลง 
3. ต้มน้ำในหม้อด้วยไฟแรงจนเดือด ใส่เส้นมี่สั้วลงต้มจนสุกนุ่ม ตักขึ้นแช่ในอ่าน้ำเย็นสักครู่ สงขึ้นใส่พักในกระชอนให้สะเด็ดน้ำ แล้วใส่ลงในอ่างผสม ใส่น้ำมันเล็กน้อย คลุกเคล้าให้ทั่วเพื่อไม่ให้เส้นติดกัน เตรียมไว้

วุ้นนมสดสตอเบอรี่


วุ้นนมสดสตอเบอรี่
ส่วนผสม
ผงวุ้น ½ ช้อนโต๊ะ
นมสดรสสตรอว์เบอร์รี่  200 มิลลิลิตร
โยเกิร์ตรสสตรอว์เบอร์รี่ 1 ถ้วย
น้ำเปล่า ¼ ถ้วยตวง
สตรอว์เบอร์รีสด 5-10 ผล
พิมพ์ขนมขนาด ½ ถ้วยตวง 5-6 ถ้วย
วิธีทำ
ผสมผงวุ้นกับน้ำเปล่าตั้งไฟอ่อน คนให้ละลายพอเดือดค่อยๆ ใส่นมสดคนให้เข้ากัน ยกลง
ใส่โยเกิร์ตคนให้เข้ากัน ตักใส่พิมพ์แล้วนำไปแช่ตู้เย็นเพื่อให้อยู่ตัว
เวลาเสิร์ฟแคะออกจากพิมพ์ แต่งหน้าด้วยสตรอว์เบอร์รี่สด

เยลลี่กาแฟ


เยลลี่กาแฟ
ส่วนผสม
ผงกาแฟ    1/4    ถ้วย
น้ำเปล่า (ส่วนที่ 1)    1-1/4    ถ้วย
Coffee Sugar    5    ช้อนโต๊ะ
เจลาตินผง    1/2    ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า (ส่วนที่ 2)    2-1/2    ช้อนโต๊ะ
นมสด มากน้อยกว่านี้ตามชอบ    1/2    ถ้วย
วิปปิ้งครีม และผงโกโก้สำหรับตกแต่ง

วิธีทำ
1.เอาน้ำเปล่าส่วนที่ 2 ใส่ลงในถ้วยใบเล็ก ๆ สักใบ ใช้ช้อนตักเจลาตินผงโปรยลงในน้ำ เอาช้อนกาแฟคนเบาๆ พอเข้ากัน แล้วตั้งพักไว้ประมาณ 10 นาที
2.จากนั้นก็มาทำน้ำกาแฟ ด้วยการเทน้ำเปล่าส่วนที่ 1 ใส่ลงในหม้อใบเล็กๆ ตามด้วยผงกาแฟ คนด้วยทัพพีพอเข้ากัน แล้วยกหม้อขึ้นตั้งบนเตาไฟ เปิดไฟกลางๆ รอจนน้ำในหม้อเดือดก็หรี่ไฟลงเป็นไฟอ่อน ต้มต่อประมาณ 2 นาที
3.พอครบ 2 นาทีก็เทส่วนผสมในหม้อใส่ลงในถุงกรองที่รองด้วยหม้อหรือชามใบโตสักหน่อย กรองเอาไว้แต่น้ำกาแฟ ส่วนกากกาแฟก็ทิ้งครับ
4.นำเอาน้ำกาแฟที่ได้ เทใส่ลงในหม้อใบเล็กๆ อีกใบ ใส่ Coffee Sugar ลงไป ตั้งบนเตา เปิดไฟกลาง คนจนกระทั่ง Coffee Sugar ละลายหมด ก็ปิดไฟเตา
5.แล้วเทเจลาตินที่เตรียมไว้ลงไป คนให้เข้ากันดี ก็เทใส่ถ้วยหรือพิมพ์ที่ชอบ พักไว้ให้พออุ่นๆ สักหน่อย ก็เอาเข้าแช่ในตู้เย็นจนกระทั่งเยลลี่กาแฟของเราแข็งตัว
6.ถึงเวลาเสริฟ ก็หยิบถ้วยเยลลี่กาแฟของเราออกมาจากตู้เย็น แล้วเทนมสดใส่ลงไป ชอบมากใส่มากชอบน้อยใส่น้อย

วุ้นกรอบข้าวเหนียวแก้ว


วุ้นกรอบข้าวเหนียวแก้ว
ข้าวเหนียวแก้ว
ข้าวเหนียวเขี้ยวงู 330 กรัม
ปูนแดง ¼ ช้อนชา
กะทิ 280 มิลลิลิตร
น้ำตาลทราย 160 กรัม
เกลือ ½ ช้อนชา
น้ำดอกอัญชัน 2 ช้อนโต๊ะ
งาขาวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ

วุ้นส้ม
ผงวุ้น 2 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 140 กรัม
สีผสมอาหาร (สีส้ม) 4 หยด
กลิ่นส้ม 1 ช้อนชา

วิธีทำ
1. แช่ข้าวเหนียวในน้ำสะอาดใส่ปูนแดงลงไปผสมในน้ำเพื่อช่วยให้เม็ดข้าวไม่เละเวลานำไปมูลแช่ไว้เป็นเวลา 3 ชั่วโมง
2. ล้างข้าวเหนียวให้สะอาดแล้วห่อด้วยผ้าขาวบางนำไปนึ่งในลังถึงที่ร้อนดีเป็นเวลา 25 นาที
3. เตรียมกะทิในหม้อมีฝาใส่ข้าวเหนียวร้อนๆลงในน้ำกะทิปิดฝาพักจนข้าวเหนียวมูลเย็นลงและข้าวเหนียวดูดกะทิจนแห้งดี
4. ระหว่างรอข้าวเหนียวเตรียมหม้ออีกใบสำหรับทำวุ้นใส่น้ำสะอาด 2 ถ้วยลงในหม้อโรยผงวุ้นลงไปพักไว้ 10 นาทีเพื่อให้ผงวุ้นดูดน้ำเตรียมถ้วยวุ้นในเล็กๆในถาดนำส่วนผสมวุ้นตั้งไฟคนให้ผงวุ้นละลายดีพอเดือดก็ใส่น้ำตาลทรายสีและกลิ่นลงไปเคี่ยวต่ออีก 5 นาทีตักใส่ถ้วยวุ้นเป็นสูงครึ่งถ้วยพักให้เย็นลง
5. นำข้าวเหนียวกลับไปตั้งไฟใช้ความร้อนต่ำใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไปเคี่ยวจนข้าวเหนียวแห้งขึ้นประมาณ 25 นาทีใส่น้ำดอกอัญชันลงไปคนต่อจนแห้งดีตักใส่ถาดพักให้เย็นลง
6. จับข้าวเหนียวเป็นคำๆวางลงบนวุ้นโรยหน้าด้วยงาดำคั่วก่อนเสิร์ฟ

วุ้นสังขยา



วุ้นสังขยา
ส่วนผสม
1.วุ้นผง 2ชต. 
2.หัวกะทิ 1ถ้วย 
3.ไข่ 4ฟอง(ใช้ไข่ไก่ 2 ไข่เป็ด2) 
4.น้ำตาลปึก 1ถ้วย 
5.น้ำตาลทราย 3/4ถ้วย 
6.น้ำสะอาด 3ถ้วย 7.ใบเตย 8ใบ
วิธีทำ
1.ผสมกะทิ น้ำตาลปึก และไข่ โดยใช้ใบเตย 3ใบขยำให้ส่วนผสมเข้ากันดี แล้วนำไปกรอง ใส่ภาชนะพักไว้
2.โขลกใบเตย 5ใบ ใส่น้ำลงไปแล้วกรองเอากากออก จะได้น้ำใบเตย 
3.ใส่วุ้นลงในน้ำสะอาด 3ถ้วย คนให้วุ้นละลาย ใส่น้ำใบเตยลงไป แล้วนำขึ้นตั้งเตา พอเดือดดีใส่น้ำตาลทราย คนให้ส่วนผสมเริ่มใส พอวุ้นเดือดดี ค่อยๆเทส่วนผสมสังขยา(ในข้อ1)ลงไป โดยคนตลอดเวลา เพื่อไม่ให้เป็นก้อน พอสังขยาสุก ยกลงจากเตา ตักใส่พิมพ์ รอจนวุ้นเย็นตัวลง นำเข้าแช่ตู้เย็น ทานตอนวุ้นเย็นๆจะอร่อย

วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2558

ยำหอยแครง

ยำหอยแครง
ส่วนผสม
1. เนื้อหอยแครงสดๆ 3/4 ถ้วยตวง
2. พริกชี้หนูแดง 5 เม็ด
3. ตะไคร้ซอย 3 ช้อนโต๊ะ
4. โหระพาใบ 10-15 ใบ
5. หอมแดงซอย 2 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
8. น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีลวกหอยแครงสด ต้องล้างให้เปลือกหอยสะอาดแล้วลวกในน้ำเดือดจัด ทยอยลวก เพราะถ้าใส่ไปทีเดียวเยอะๆ เปลือกหอยที่เย็นจะทำให้น้ำลดอุณหภูมิลงไปมาก พอใส่หอยลงน้ำเดือด เมื่อน้ำเดือดอีกครั้งให้ค่อยจับเวลา ใช้เวลาเพียงแค่ 20 วินาทีก็จะสุกพอดี ไม่สุกเกินไป นำขึ้นจากน้ำแกะเอาแต่เนื้อ ตัวที่มีกลิ่นให้ทิ้งไป มีโคลนให้ล้างออก
ผสมน้ำยำ น้ำปลา น้ำตาล น้ำมะนาว คนให้ละลายพักไว้
ผสมเนื้อหอย น้ำยำ หอมแดง พริก ตะไคร้เข้าด้วยกันจนทั่ว ตามด้วยโหระพา

วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2558

ชูครีมสตอเบอรี่


ชูครีมสตอเบอรี่
แป้งสาลีอเนกประสงค์ 150 กรัม
เนยจืด 100 กรัม
น้ำเปล่า 125 กรัม
นมสดรสจืด 125 กรัม
น้ำตาลทราย 4 กรัม
เกลือ 4 กรัม
ไข่ไก่ 3 ฟอง

วิธีทำ
1.เตรียมเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส
2.ใส่น้ำ นม เนย น้ำตาล และเกลือ ลงในหม้อ ตั้งไฟกลาง
3.ใช้ไม้พายคนให้ส่วนผสมเข้ากัน พอเนยละลาย จึงใส่แป้งลงไป
4.คนด้วยความเร็วจนแป้งจับตัวกัน และไม่ติดก้นหม้อ จึงยกลงจากเตา
5.ตั้งส่วนผสมทิ้งไว้จนควันหาย หรือไม่ร้อนจัดเกินไปจึงใส่ไข่ลงไปทีละฟอง คนให้เข้ากันจนเนื้อเนียน สังเกตจากใช้ไม้พายตักแป้งขึ้นมา หากแป้งเป็นสายติดกัน ไม่ขาด แสดงว่าได้ที่แล้ว
6.ตักส่วนผสมใส่ถุงบีบ บีบลงถาดอบ รองด้วยกระดาษไข กะขนาดให้ได้เส้นผ่านศูนย์กลาง 2 นิ้ว จากนั้นทาไข่ก่อนนำเข้าเตาอบ
7.ลดอุณหภูมิลงมาที่ 160 องศาเซลเซียส อบประมาณ 25-30 นาที จนแป้งเหลืองและพองตัวเต็มที่
8.พักให้เย็นสนิท นำแป้งชูมาผ่าครึ่ง บีบครีมตรงกลาง ตกแต่งด้วยสตรอว์เบอร์รี่สด และโรยน้ำตาลไอซิ่งตามชอบ

ส่วนผสมสตรอว์เบอร์รี่ครีม
วิปปิ้งครีม 250 กรัม
สตรอว์เบอร์รี่บดละเอียด 75 กรัม
น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
น้ำตาลทรายป่น 25 กรัม
สตรอว์เบอร์รี่สดสำหรับตกแต่ง 6 ลูก
น้ำตาลไอซิ่งสำหรับโรยหน้า
วิธีทำ
ผสมสตรอว์เบอร์รี่บด น้ำมะนาว และน้ำตาลทราย เข้าด้วยกันในหม้อ นำไปต้มจนน้ำตาลละลาย พักไว้ให้เย็นสนิท
ตีวิปปิ้งครีมให้ขึ้นฟู จนตั้งยอดอ่อน จากนั้นนำมาผสมกับส่วนผสมข้อ 1 ให้เข้ากันอย่างเบามือ ตักใส่ถุงบีบ เตรียมไว้

หม้อแกงไข่

หม้อแกงไข่ส่วนผสม
1. ไข่เป็ด 3 ฟอง
2. ไข่ขาว(ไข่ไก่) 10 ฟอง
3. น้ำตาลทราย 200 กรัม
4. น้ำตาลปี๊บอย่างดี 300 กรัม
5. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/4 ถ้วย
6. น้ำมันพืช(ได้จากเจียวหอม) 3/4 ถ้วย
7. กะทิสดหรือหัวกะทิ 2 1/2 ถ้วย
8. ใบเตยหอมหั่นท่อน

วิธีทำ
1. เตรียมอ่างผสม ตอกไข่เป็ดลงไป ผสมกับไข่ขาว ตามด้วยใบเตย น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย ขยำจนสวนผสมไข่และน้ำตาลละลายเข้ากัน ค่อยๆใส่แป้งและกะทิ นวดจนเข้ากัน แล้วนำมากรองเอาเศษสกปรกออก
2. นำส่วนผสมที่กรองไว้ ผสมกับน้ำมันพืชที่ได้จากการเจียวหอม ตักหยอดใส่พิมพ์ วางบนถาดที่หล่อน้ำไว้ เตรียมเข้าเตาอบ
3. ใช้อุณหภูมิ 180-200 องศาเซลเซียส ประมาณครึ่งชั่วโมง เมื่อสุก ให้นำออกมาโรยหอมเจียว เพื่อเพิ่มกลิ่นเล็กน้อย

ขนมก้านบัว

 
ขนมก้านบัว
ส่วนประกอบตัวแป้ง
1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ถ้วย
2. ผงฟู 1 ช้อนชา
3. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
4. เกลือ 1/3 ช้อนชา
5. ไข่ไก่แดง 1 ฟอง
6. น้ำปูนใส 1 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
8. กะทิ 1/2 ถ้วยตวง

ส่วนประกอบน้ำเคลือบ
1. น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วยตวง
2. ต้นหอมหั่น 4-5 ใบ
3. น้ำ 1/4 ถ้วยตวง
4. เกลือ 1/2 ช้อนชา
 
วิธีทำ
1. ผสมแป้งสาลีอเนกประสงค์ ผงฟู น้ำตาลและเกลือ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
2. ผสมส่วนที่เป็นน้ำให้เข้ากันก่อนมี ไข่ไก่แดง น้ำมันพืช น้ำปูนใส
3. ค่อยเทส่วนผสมน้ำ นวดกับแป้ง และใส่น้ำกะทินวดต่อจนแป้งเหนียวปั้นได้ พักแป้งไว้ 30-60 นาที
4. ปั้นแป้งให้เป็นเส้นยาว และใช้มีดตัดให้มีความยาวเท่าๆกัน
5. ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟปานกลาง นำขนมลงทอด คอยคนไปมาเพื่อให้ขนมสุกเหลืองทั่วกันดี ตักพักบนตะแกรงเพื่อให้สะเด็ดน้ำมัน
6. เตรียมน้ำเคลือบ โดยนำภาชนะตั้งไฟละลายน้ำตาลทรายกับน้ำเปล่า ปรุงรสชาติด้วยเกลือ เคี่ยวต่อจนเหนียว (สังเกตน้ำตาลที่ขอบถาชนะเป็นเกล็ดขาว) ใส่ต้นหอมหั่นฝอยลงไป หรี่ไฟลง
7. นำขนมที่ทอดพักไว้ มาคลุกกับน้ำตาลให้ทั่ว

โตเกียวชาไทย


โตเกียวชาไทย
แป้งขนมโตเกียว
แป้งสาลีอเนกประสงค์ 60 กรัม
เบกกิ้งโซดา ¼ ช้อนชา
ผงฟู ¼ ช้อนชา
ไข่ไก่ 1 ฟอง
น้ำตาลทราย 30 กรัม
นมสด 40 มิลลิลิตร
กลิ่นวานิลลา ½ ช้อนชา

คัสตาร์ดไวท์ช็อกโกแลตชาไทย
นมสด 1 ถ้วย
ผงชาไทย 2 ช้อนชา
ไข่แดง 3 ฟอง
น้ำตาลทราย 40 กรัม
แป้งสาลีอเนกประสงค์ 10 กรัม
แป้งข้าวโพด 10 กรัม
ไวท์ช็อกโกแลตคอมพาวด์ 20 กรัม

1. ทำคัสตาร์ด โดยนำนมสดไปตั้งไฟ ใส่ผงชาไทยลงไป
2. ตีไข่แดง กับน้ำตาลทราย แป้งสาลีและแป้งข้าวโพด ตามลำดับ
3. พอส่วนประกอบของชาเริ่มเดือด เทใส่ส่วนผสมไข่ คนให้เข้ากัน
4. ล้างหม้อให้สะอาดดี แล้วกรองส่วนประกอบคัสตาร์ดใส่กลับลงไป นำไปกวนต่อบนความร้อนด้วยตะกร้อมือจนสุกดี
5. ยกคัสตาร์ดออกจากความร้อน สับไวท์ช็อกโกแลตคอมพาวด์ใส่ลงไป คนให้ละลายดี ตักส่วนผสมออกมาใส่ชาม พักให้เย็นลง
6. ทำแป้งขนมโตเกียว โดยตีไข่ไก่ น้ำตาลทราย นมสด และกลิ่นวานิลลาเข้าด้วยกัน ร่อนแป้งสาลี เบกกิ้งโซดา และผงฟูใส่ตามลงไป ตีต่อให้เข้ากันดี
7. ตั้งกระทะเพื่อให้ทำขนมโตเกียวใช้ความร้อนต่ำใช้ช้อนชาตักแป้งลงบนกระทะ เกลี่ยเป็นแผ่นบาง พอแป้งเริ่มสุก ตักไส้ลงบนกลางตัวขนม แซะแป้งแล้วม้วนเป็นแท่งกลม ตักขึ้นจากกระทะ

ขนุนเชื่อม


ขนุนเชื่อม
1. เนื้อขนุน (ห่ามค่อนข้างดิบ) 500 กรัม
2. น้ำตาลทราย 500 กรัม
3. น้ำเปล่า 4 ถ้วย
4. กะทิ 1/2 ถ้วย
5. แป้งข้าวเจ้าหรือแป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา
6. เกลือ 1/2 ช้อนชา
7. น้ำปูนใส สำหรับแช่ขนุน 2 ถ้วย

วิธีทำ
1. ล้างขนุนให้สะอาด แช่ในน้ำปูนใส 20-30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง
2. ระหว่างนั้นเตรียมน้ำกะทิสำหรับราดขนม โดยนำกะทิตั้งไฟอ่อน ละลายแป้งกับน้ำใส่ลงไป คนให้ทั่ว ปรุงรสชาติด้วยเกลือ ยกลงพักไว้
3. นำกระทะทองเหลืองหรือหม้อตั้งไฟปานกลาง ใส่น้ำละลายน้ำตาลทราย คอยคนไม่ให้ก้นหม้อไหม้ จนน้ำเชื่อมเดือด ให้เคี่ยวต่อไปอีก 10-15 นาที
4. ใส่เนื้อขนุนลงไปเชื่อมต่ออีก 20-30 นาที ระหว่างนี้คอยคนอย่างเบามือ เมื่อน้ำเชื่อมเริ่มเหนียวข้น ปิดไฟพักขนมไว้ให้อุ่น
5. ตักเอาแต่เนื้อขนุนใส่จานเสิร์ฟ ราดหน้าด้วยน้ำกะทิรสเค็มมันครบครันความอร่อย

ขนมสาลี่

ขนมสาลี่

ขนมปั้นขลิบทอด(ไส้หมูหยอง)


ขนมปั้นขลิบทอด(ไส้หมูหยอง)
ส่วนผสมแป้ง
* แป้งสาลี 200 กรัม
* แป้งข้าวเจ้า 50 กรัม
* ไข่ไก่ 1 ฟอง
* น้ำปูนใส 1/4 ถ้วย
* หัวกะทิ 1 ถ้วย
* น้ำตาล 3 ช้อนโต๊ะ
* น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสมไส้
* หมูหยอง 200 กรัม
* น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
* น้ำพริกเผา 1.5 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. เตรียมทำแป้งไว้ โดยนำแป้งข้าวเจ้าและแป้งสาลีมาร่อนเข้าด้วยกัน จากนั้น จึงเติมน้ำตาลทราย, ไข่ไก่, น้ำมัน, น้ำปูนใส และหัวกะทิเข้าด้วยกัน นวดแป้ง ไปเรื่อยๆจนส่วนผสมเข้ากัน และตัวแป้งมีเนื้อเนียน นุ่ม จากนั้นจึงพักแป้งทิ้งไว้ ประมาณ 1 ชั่วโมง
2. ระหว่างรอแป้งที่พักไว้ เตรียมทำไส้โดยนำหมูหยองนำมายีให้เนื้อละเอียด แยกออกจากกันไม่เป็นก้อน เสร็จแล้วใส่น้ำพริกเผาและน้ำตาลลงไป คลุกจน ส่วนผสมเข้ากันดี พักไว้
3. เมื่อพักแป้งครบหนึ่งชั่วโมง จึงนำมาปั้น โดยแบ่งเป็นก้อนกลม ขนาดเส้น ผ่าศูนย์กลางประมาณ 1-1.5 ซม. กดให้แบนเป็นแผ่นบางๆ
4. ใส่ไส้หมูหยองพอประมาณ (ที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่ 2) โดยใส่ลงที่ตรง กลางของแผ่นแป้ง และพับขอบแป้งให้ปลายติดกันทั้งสองข้าง ใช้นิ้วค่อยๆบีบ ปลายแผ่นแป้งให้เป็นเกลียว
5. ตั้งน้ำมันในกระทะบนไฟร้อนปานกลาง พอน้ำมันร้อนจึงนำปั้นขลิปที่ปั้นไว้ นำลงไปทอดจนสุกเหลือง นำขึ้นมาสะเด็ดน้ำมัน พักไว้

ขนมฟักเขียว


ขนมฟักเขียว
1. ฟักเขียวขูดฝอย 1 1/2 ถ้วยตวง
2. แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วยตวง
3. แป้งมัน 1/4 ถ้วยตวง
4. แป้งข้าวเหนียว 1/4 ถ้วยตวง
5. แป้งท้าวยายม่อม 2 ช้อนโต๊ะ
6. กะทิ 4 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วยตวง
8. เกลือ 1/4 ช้อนชา
9. มะพร้าวทึนทึกขูดฝอย 1/4 ถ้วยตวง

วิธีทำ
1. ปอกฟักเขียว หั่นตามยาวและคว้านเอาเม็ดออก ขูดเนื้อฟักให้เป็นเส้นฝอย พักไว้สักครู่ ให้น้ำฟักออก (ก่อนทำให้บีบน้ำออกเอาแต่เนื้อ)
2. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน แป้งข้าวเหนียวและแป้งท้าวยายม่อนให้เข้ากัน ใส่ฟักเขียว กะทิและน้ำตาลทราย คลุกเคล้าให้เข้ากันไปสักพัก จนส่วนผสมเริ่มเหลว
3. ตั้งซึ้งใส่น้ำสำหรับหนึ่ง ใช้ไฟแรงจนน้ำเดือดแล้วจึงลดให้ไฟปานกลาง
4. ตักส่วนผสมใส่พิมพ์ นึ่ง 30-40 นาที หรือจนกว่าจะสุก
5. พักขนมให้อุ่น ตัดขนมเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาดพอคำ โรยหน้าด้วยมะพร้าวนึ่งคลุกเกลือ

มันสำปะหลังเชื่อม

 
มันสำปะหลังเชื่อม
1. มันสำปะหลัง (ล้างหั่นเป็นสี่เหลี่ยมเท่าๆ กัน) 1 -2 หัว
2. น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
3. น้ำ 2 1/2 ถ้วย
4. น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
5. หัวกะทิ 1 ถ้วย
6. แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนชา
7. เกลือป่น 1/8 ช้อนชา
 
วิธีทำ
1. มันสำปะหลัง ล้าง ปอกเปลือกและหั่นเป็นสี่เหลี่ยมขนาดเท่ากัน นำไปต้มในน้ำเดือด ให้เกือบสุก
2. หม้อใส่น้ำกะทิ แป้งข้าวเจ้า และเกลือตั้งไฟอ่อนๆ คนจนเข้ากันดี ให้กะทิจับฝัก (กะทิเป็นเม็ดๆ ทำให้กะทิไม่แยกตัวเป็นชั้นเวลาทิ้งไว้) ปิดไฟและพักไว้
3. กระทะทองเหลืองใส่น้ำตาลทราย น้ำ นำมะนาว ตั้งไฟอ่อนถึงกลาง เคี่ยวน้ำตาลละลาย น้ำพอเดือด ใส่มันลงไปเชื่อม ใช้ไฟอ่อนเชื่อมไปเรื่อยๆ มันจะใสเป็นเงาเวลาเสริฟ์ ราดหน้าด้วยน้ำกะทิ หรือตักน้ำกะทิแยกต่างหาก