วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2558
ก๋วยเตี๋ยวหลอดเจ
ก๋วยเตี๋ยวหลอดเจ
หน้าก๋วยเตี๋ยวหลอด
รากผักชี 5 ราก
เม็ดพริกไทยขาว 1½ ช้อนชา
ขิงแก่ 5 กรัม
อบเชย 2 ก้าน
ใบกระวาน 2 ใบ
โป๊ยกั๊ก 3 ดอก
น้ำตาลปี๊บ 80 กรัม
ซอสปรุงรส 1½ ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 4 ช้อนโต๊ะ
เต้าหู้เนื้อแข็ง 300 กรัม
คอนยักกุ 80 กรัม
โปรตีนเกษตร 100 กรัม
เห็ดหอมแห้ง 6 ดอก
น้ำมันรำข้าว 2 ช้อนโต๊ะ
อื่นๆ
เส้นใหญ่ 400 กรัม
ถั่วงอก 300 กรัม
ผักชี (สับ) สำหรับเสิร์ฟ
คื่นช่าย (สับ) สำหรับเสิร์ฟ
น้ำมันไชโป๊ว
ไชโป๊ว (สับ) 80 กรัม
ขิงแก่ (สับ) 1 ช้อนชา
น้ำมันรำข้าว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำจิ้มซีอิ้ว
พริกชี้ฟ้า 1 เม็ด
ซีอิ๊วหวาน 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
ขิงแก่ 2 แว่น
วิธีทำ
1. ทำหน้าก๋วยเตี๋ยวหลอด โดยแช่โปรตีนเกษตรในน้ำสะอาด 10 นาที บีบน้ำออก แล้วสับหยาบๆ พักไว้
2. โขลกรากผักชี พริกไทย และขิง ให้เข้ากันดี
3. แช่เห็ดหอมแห้งในน้ำจนนุ่มดี บีบน้ำออก แล้วซอยเป็นแผ่น
4. ในกระทะใบเล็ก ใส่น้ำตาลปี๊บลงไป เคี่ยวจนได้สีเป็นคาราเมล แล้วจึงใส่น้ำสะอาดลงไป ½ ถ้วย พอเดือดก็ยกออกจากความร้อน พักไว้
5. นำน้ำมันรำข้าวตั้งไฟ นำเห็ดหอม และเครื่องที่โขลกพักไว้ลงไปเจียว พอหอมดี ก็ใส่น้ำตาลที่พักไว้ลงไป ตามด้วยซอสปรุงรส และซีอิ๊วขาว ใส่คอนยักกุ เต้าหู้ และโปรตีนเกษตรลงไป ผัดเบาๆ ให้เครื่องได้สี หลังจากนั้นจึงใส่น้ำลงไปอีก 1 ลิตร กับใบกระวาน โป๊ยกั๊ก และก้านอบเชย ต้มด้วยไฟอ่อนๆ ประมาณ 15 นาที
6. สับไช้โป๊ยกับขิงแก่ นำไปเจียวกับน้ำมัน พักไว้
7. นำซีอิ๊วหวาน น้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย ขิง และน้ำ 2 ช้อนโต๊ะไปตั้งไฟ เคี่ยวให้รสเข้ากันดี ตักออก พักให้เย็นดี แล้วจึงซอยพริกชี้ฟ้าแดงใส่ลงไป
8. นำเส้นก๋วยเตี๋ยวและถั่วงอกไปนึ่งบนลังถึง ให้ร้อนดี
9. เมื่อต้องการรับประทาน ก็นำก๋วยเตี๋ยวมาคลุกกับน้ำมันไช้โป๊ยที่พักไว้ ใส่ถั่วงอกตามลงไป ราดหน้าด้วยเครื่องที่พักไว้ โรยด้วยผักชีและคื่นช่ายสับ เสิร์ฟกับซีอิ๊วปรุงรส
วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2558
น้ำระกำ
น้ำระกำ
ส่วนผสม
ระกำเปรี้ยว
น้ำตาลทราย
เกลือ
น้ำเปล่า
น้ำแข็งบดละเอียด
วิธีทำ
1.ปอกเปลือกระกำ ล้างทำความสะอาด และบั้งเพื่อให้รสเปรี้ยวออกมาเร็วขึ้นขณะต้ม
ส่วนผสม
ระกำเปรี้ยว
น้ำตาลทราย
เกลือ
น้ำเปล่า
น้ำแข็งบดละเอียด
วิธีทำ
1.ปอกเปลือกระกำ ล้างทำความสะอาด และบั้งเพื่อให้รสเปรี้ยวออกมาเร็วขึ้นขณะต้ม
2.ตั้งหม้อน้ำ ใส่น้ำตาล และเกลือ ปรุงรสตามชอบ ตั้งให้เดือด
3.ใส่ระกำที่เตรียมไว้ลงไปต้ม จะมีเศษขาว ๆ ที่ติดกับระกำหลุดออกมาให้ช้อนขึ้นให้หมดเพื่อความสวยงาม
4.ต้มไฟอ่อนไปเรื่อย ๆ ให้ความเปรี้ยวจากระกำออกมา จากนั้นระกำจะลอยขึ้นมา ชิมรสอีกครั้งตามชอบ แล้วก็ปิดไฟ
5.ปล่อยทิ้งไว้ให้เย็น รสชาดจะเข้มข้นขึ้น ตักน้ำแข็งใส่แก้ว ใส่น้ำระกำลงไปแล้วใส่เนื้อลงไปด้วยสักสองสามเม็ด ดื่มแล้วอร่อย
ขอขอบคุณสูตรและภาพจาก ครัวบ้านเนินน้ำ
3.ใส่ระกำที่เตรียมไว้ลงไปต้ม จะมีเศษขาว ๆ ที่ติดกับระกำหลุดออกมาให้ช้อนขึ้นให้หมดเพื่อความสวยงาม
4.ต้มไฟอ่อนไปเรื่อย ๆ ให้ความเปรี้ยวจากระกำออกมา จากนั้นระกำจะลอยขึ้นมา ชิมรสอีกครั้งตามชอบ แล้วก็ปิดไฟ
5.ปล่อยทิ้งไว้ให้เย็น รสชาดจะเข้มข้นขึ้น ตักน้ำแข็งใส่แก้ว ใส่น้ำระกำลงไปแล้วใส่เนื้อลงไปด้วยสักสองสามเม็ด ดื่มแล้วอร่อย
ขอขอบคุณสูตรและภาพจาก ครัวบ้านเนินน้ำ
ขนมจีนน้ำพริกเจ
ขนมจีนน้ำพริกเจ
ส่วนผสม
• ถั่วเขียวเลาะเปลือก ต้มสุก 2 ถ้วยตวง
• ถั่วลิสงคั่วป่น ½ ถ้วยตวง
• น้ำตาลปีป 1 ½ ถ้วยตวง
• ซิอิ๊วขาว ½ ถ้วยตวง
• เกลือป่น 1 ช้อนชา
• น้ำมะขามเปียก ¾ ถ้วยตวง
• หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง
• หางกะทิ 1 ½ ถ้วยตวง
• ข่าหั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
• เห็ดฟางสับละเอียด 1 ถ้วยตวง
• น้ำมันพืช ½ ถ้วยตวง
• พริกขี้หนูป่น 1-2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมะกรูด 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำส้มซ่า 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
• เนื้อระกำ 3 ช้อนโต๊ะ
• มะกรูดผ่าครึ่ง 1 ผล
• ขิงหั่นฝอย เจียว 1 ช้อนโต๊ะ
• ขนมจีน 1 กิโลกรัม
• พริกแห้งทอด 5 เม็ด
• ผัก เช่น หัวปลีหั่นฝอย, มะระต้ม, ผักบุ้งหั่นฝอยลวก
วิธีทำ
• ผสมน้ำตาลปีป ซิอิ๊วขาว เกลือป่น น้ำมะขามเปียก นำขึ้นตั้งไฟ ชิมให้ได้ 3 รส
• ปั่นถั่วเขียวเลาะเปลือก และถั่วลิสงคั่วกับหางกะทิ 1/2 ถ้วยตวง
• เจียวพริกขี้หนูป่นกับน้ำมันพืชจนได้น้ำมันสีแดงสวย
• ตั้งกระทะใส่หัวกะทิ พอเดือดใส่ข่า เห็ดฟาง แล้วใส่ส่วนผสมในข้อที่ 2 จากนั้นใส่หางกะทิที่เหลือต้มเดือด 5 นาที ยกลง
• ปรุงรสด้วยส่วนผสมข้อที่ 1 และน้ำมะกรูด น้ำส้มซ่า น้ำมะนาว เนื้อระกำ ชิมให้ได้ 3 รส หวาน เปรี้ยว เค็ม
• ใส่มะกรูดผ่าซีก แล้วใส่พริกขี้หนูป่นเจียวและพริกแห้งทอด ขิงเจียว ราดบนขนมจีน
ส่วนผสม
• ถั่วเขียวเลาะเปลือก ต้มสุก 2 ถ้วยตวง
• ถั่วลิสงคั่วป่น ½ ถ้วยตวง
• น้ำตาลปีป 1 ½ ถ้วยตวง
• ซิอิ๊วขาว ½ ถ้วยตวง
• เกลือป่น 1 ช้อนชา
• น้ำมะขามเปียก ¾ ถ้วยตวง
• หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง
• หางกะทิ 1 ½ ถ้วยตวง
• ข่าหั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
• เห็ดฟางสับละเอียด 1 ถ้วยตวง
• น้ำมันพืช ½ ถ้วยตวง
• พริกขี้หนูป่น 1-2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมะกรูด 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำส้มซ่า 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
• เนื้อระกำ 3 ช้อนโต๊ะ
• มะกรูดผ่าครึ่ง 1 ผล
• ขิงหั่นฝอย เจียว 1 ช้อนโต๊ะ
• ขนมจีน 1 กิโลกรัม
• พริกแห้งทอด 5 เม็ด
• ผัก เช่น หัวปลีหั่นฝอย, มะระต้ม, ผักบุ้งหั่นฝอยลวก
วิธีทำ
• ผสมน้ำตาลปีป ซิอิ๊วขาว เกลือป่น น้ำมะขามเปียก นำขึ้นตั้งไฟ ชิมให้ได้ 3 รส
• ปั่นถั่วเขียวเลาะเปลือก และถั่วลิสงคั่วกับหางกะทิ 1/2 ถ้วยตวง
• เจียวพริกขี้หนูป่นกับน้ำมันพืชจนได้น้ำมันสีแดงสวย
• ตั้งกระทะใส่หัวกะทิ พอเดือดใส่ข่า เห็ดฟาง แล้วใส่ส่วนผสมในข้อที่ 2 จากนั้นใส่หางกะทิที่เหลือต้มเดือด 5 นาที ยกลง
• ปรุงรสด้วยส่วนผสมข้อที่ 1 และน้ำมะกรูด น้ำส้มซ่า น้ำมะนาว เนื้อระกำ ชิมให้ได้ 3 รส หวาน เปรี้ยว เค็ม
• ใส่มะกรูดผ่าซีก แล้วใส่พริกขี้หนูป่นเจียวและพริกแห้งทอด ขิงเจียว ราดบนขนมจีน
มี่สั้วแกงเขียวหวานเจ
มี่สั้วแกงเขียวหวานเจ
ส่วนผสม
• น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำพริกแกงเขียวหวานเจ 1/4 ถ้วย
• หัวกะทิ 1/2 ถ้วย
• หางกะทิ 1 ถ้วย
• ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา
• เกลือสมุทร 1/2 ช้อนชา + 1/4 ช้อนชา
• น้ำตาลปี๊บ 1 1/2 ช้อนชา
• มะเขือเปราะผ่าสี่ 2-3 ลูก
• มะเขือพวง 1/2 ถ้วย
• กุ้งเจ (ตัวละ 10 กรัม) 10 ตัว
• ใบมะกรูดฉีก 3 ใบ
• ใบโหระพา 1/2 ถ้วย
• พริกขี้หนูสวน 15 เม็ด
• มี่สั้วเจ (ห่อละ 200 กรัม) 1/2 ห่อ
• ใบโหระพาสำหรับตกแต่ง
น้ำพริกแกงเขียวหวานเจ
• พริกขี้หนูสีเขียวเม็ดใหญ่ (พริกจินดา) 29 เม็ด
• พริกขี้หนูสวนสีเขียว 15 เม็ด
• เกลือสมุทร 1/2 ช้อนชา
• พริกไทยขาวเม็ด 5 เม็ด
• ข่าแก่หั่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
• ตะไคร้ซอย 2 ช้อนโต๊ะ
• ผิวมะกรูดหั่นละเอียด 1 ช้อนชา
• เต้าเจี้ยวดำหรือเต้าหู้ยี้ 1 ช้อนโต๊ะ
ขั้นตอน
1. ทำน้ำพริกแกงเขียวหวานเจโดยโขลกพริกขี้หนูทิ้งสองชนิด เกลือ และพริกไทย ให้ละเอียด ใส่ข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูด โขลกต่อจนละเอียดเข้ากันดี ใส่เต้าเจี้ยวดำหรือเต้าหู้ยี้ โขลกจนละเอียดเข้ากันดี ตักใส่ถ้วย พักไว้
2. ตั้งกระทะบนไฟกลาง ใส่น้ำมัน พอร้อนใส่น้ำพริกแกงเขียวหวานเจลงผัดให้หอม ใส่หัวกะทิ ผัดพอทั่ว เคี่ยวให้แตกมัน ใส่หางกะทิ คนให้ทั่ว ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว เกลือ น้ำตาล ชิมรสเค็ม หวาน เผ็ดหอมพริก ใส่มะเขือเปราะ มะเขือพวง พอสุก ใส่กุ้งเจ ใบมะกรูด ใบโหระพา พอสุกหอม ใส่พริกขี้หนู ยกลง
3. ต้มน้ำในหม้อด้วยไฟแรงจนเดือด ใส่เส้นมี่สั้วลงต้มจนสุกนุ่ม ตักขึ้นแช่ในอ่าน้ำเย็นสักครู่ สงขึ้นใส่พักในกระชอนให้สะเด็ดน้ำ แล้วใส่ลงในอ่างผสม ใส่น้ำมันเล็กน้อย คลุกเคล้าให้ทั่วเพื่อไม่ให้เส้นติดกัน เตรียมไว้
ส่วนผสม
• น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำพริกแกงเขียวหวานเจ 1/4 ถ้วย
• หัวกะทิ 1/2 ถ้วย
• หางกะทิ 1 ถ้วย
• ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา
• เกลือสมุทร 1/2 ช้อนชา + 1/4 ช้อนชา
• น้ำตาลปี๊บ 1 1/2 ช้อนชา
• มะเขือเปราะผ่าสี่ 2-3 ลูก
• มะเขือพวง 1/2 ถ้วย
• กุ้งเจ (ตัวละ 10 กรัม) 10 ตัว
• ใบมะกรูดฉีก 3 ใบ
• ใบโหระพา 1/2 ถ้วย
• พริกขี้หนูสวน 15 เม็ด
• มี่สั้วเจ (ห่อละ 200 กรัม) 1/2 ห่อ
• ใบโหระพาสำหรับตกแต่ง
น้ำพริกแกงเขียวหวานเจ
• พริกขี้หนูสีเขียวเม็ดใหญ่ (พริกจินดา) 29 เม็ด
• พริกขี้หนูสวนสีเขียว 15 เม็ด
• เกลือสมุทร 1/2 ช้อนชา
• พริกไทยขาวเม็ด 5 เม็ด
• ข่าแก่หั่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
• ตะไคร้ซอย 2 ช้อนโต๊ะ
• ผิวมะกรูดหั่นละเอียด 1 ช้อนชา
• เต้าเจี้ยวดำหรือเต้าหู้ยี้ 1 ช้อนโต๊ะ
ขั้นตอน
1. ทำน้ำพริกแกงเขียวหวานเจโดยโขลกพริกขี้หนูทิ้งสองชนิด เกลือ และพริกไทย ให้ละเอียด ใส่ข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูด โขลกต่อจนละเอียดเข้ากันดี ใส่เต้าเจี้ยวดำหรือเต้าหู้ยี้ โขลกจนละเอียดเข้ากันดี ตักใส่ถ้วย พักไว้
2. ตั้งกระทะบนไฟกลาง ใส่น้ำมัน พอร้อนใส่น้ำพริกแกงเขียวหวานเจลงผัดให้หอม ใส่หัวกะทิ ผัดพอทั่ว เคี่ยวให้แตกมัน ใส่หางกะทิ คนให้ทั่ว ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว เกลือ น้ำตาล ชิมรสเค็ม หวาน เผ็ดหอมพริก ใส่มะเขือเปราะ มะเขือพวง พอสุก ใส่กุ้งเจ ใบมะกรูด ใบโหระพา พอสุกหอม ใส่พริกขี้หนู ยกลง
3. ต้มน้ำในหม้อด้วยไฟแรงจนเดือด ใส่เส้นมี่สั้วลงต้มจนสุกนุ่ม ตักขึ้นแช่ในอ่าน้ำเย็นสักครู่ สงขึ้นใส่พักในกระชอนให้สะเด็ดน้ำ แล้วใส่ลงในอ่างผสม ใส่น้ำมันเล็กน้อย คลุกเคล้าให้ทั่วเพื่อไม่ให้เส้นติดกัน เตรียมไว้
วุ้นนมสดสตอเบอรี่
วุ้นนมสดสตอเบอรี่
ส่วนผสม
ผงวุ้น ½ ช้อนโต๊ะ
นมสดรสสตรอว์เบอร์รี่ 200 มิลลิลิตร
โยเกิร์ตรสสตรอว์เบอร์รี่ 1 ถ้วย
น้ำเปล่า ¼ ถ้วยตวง
สตรอว์เบอร์รีสด 5-10 ผล
พิมพ์ขนมขนาด ½ ถ้วยตวง 5-6 ถ้วย
วิธีทำ
ผสมผงวุ้นกับน้ำเปล่าตั้งไฟอ่อน คนให้ละลายพอเดือดค่อยๆ ใส่นมสดคนให้เข้ากัน ยกลง
ใส่โยเกิร์ตคนให้เข้ากัน ตักใส่พิมพ์แล้วนำไปแช่ตู้เย็นเพื่อให้อยู่ตัว
เวลาเสิร์ฟแคะออกจากพิมพ์ แต่งหน้าด้วยสตรอว์เบอร์รี่สด
ส่วนผสม
ผงวุ้น ½ ช้อนโต๊ะ
นมสดรสสตรอว์เบอร์รี่ 200 มิลลิลิตร
โยเกิร์ตรสสตรอว์เบอร์รี่ 1 ถ้วย
น้ำเปล่า ¼ ถ้วยตวง
สตรอว์เบอร์รีสด 5-10 ผล
พิมพ์ขนมขนาด ½ ถ้วยตวง 5-6 ถ้วย
วิธีทำ
ผสมผงวุ้นกับน้ำเปล่าตั้งไฟอ่อน คนให้ละลายพอเดือดค่อยๆ ใส่นมสดคนให้เข้ากัน ยกลง
ใส่โยเกิร์ตคนให้เข้ากัน ตักใส่พิมพ์แล้วนำไปแช่ตู้เย็นเพื่อให้อยู่ตัว
เวลาเสิร์ฟแคะออกจากพิมพ์ แต่งหน้าด้วยสตรอว์เบอร์รี่สด
เยลลี่กาแฟ
เยลลี่กาแฟ
ส่วนผสม
ผงกาแฟ 1/4 ถ้วย
น้ำเปล่า (ส่วนที่ 1) 1-1/4 ถ้วย
Coffee Sugar 5 ช้อนโต๊ะ
เจลาตินผง 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า (ส่วนที่ 2) 2-1/2 ช้อนโต๊ะ
นมสด มากน้อยกว่านี้ตามชอบ 1/2 ถ้วย
วิปปิ้งครีม และผงโกโก้สำหรับตกแต่ง
วิธีทำ
1.เอาน้ำเปล่าส่วนที่ 2 ใส่ลงในถ้วยใบเล็ก ๆ สักใบ ใช้ช้อนตักเจลาตินผงโปรยลงในน้ำ เอาช้อนกาแฟคนเบาๆ พอเข้ากัน แล้วตั้งพักไว้ประมาณ 10 นาที
2.จากนั้นก็มาทำน้ำกาแฟ ด้วยการเทน้ำเปล่าส่วนที่ 1 ใส่ลงในหม้อใบเล็กๆ ตามด้วยผงกาแฟ คนด้วยทัพพีพอเข้ากัน แล้วยกหม้อขึ้นตั้งบนเตาไฟ เปิดไฟกลางๆ รอจนน้ำในหม้อเดือดก็หรี่ไฟลงเป็นไฟอ่อน ต้มต่อประมาณ 2 นาที
3.พอครบ 2 นาทีก็เทส่วนผสมในหม้อใส่ลงในถุงกรองที่รองด้วยหม้อหรือชามใบโตสักหน่อย กรองเอาไว้แต่น้ำกาแฟ ส่วนกากกาแฟก็ทิ้งครับ
4.นำเอาน้ำกาแฟที่ได้ เทใส่ลงในหม้อใบเล็กๆ อีกใบ ใส่ Coffee Sugar ลงไป ตั้งบนเตา เปิดไฟกลาง คนจนกระทั่ง Coffee Sugar ละลายหมด ก็ปิดไฟเตา
5.แล้วเทเจลาตินที่เตรียมไว้ลงไป คนให้เข้ากันดี ก็เทใส่ถ้วยหรือพิมพ์ที่ชอบ พักไว้ให้พออุ่นๆ สักหน่อย ก็เอาเข้าแช่ในตู้เย็นจนกระทั่งเยลลี่กาแฟของเราแข็งตัว
6.ถึงเวลาเสริฟ ก็หยิบถ้วยเยลลี่กาแฟของเราออกมาจากตู้เย็น แล้วเทนมสดใส่ลงไป ชอบมากใส่มากชอบน้อยใส่น้อย
ส่วนผสม
ผงกาแฟ 1/4 ถ้วย
น้ำเปล่า (ส่วนที่ 1) 1-1/4 ถ้วย
Coffee Sugar 5 ช้อนโต๊ะ
เจลาตินผง 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า (ส่วนที่ 2) 2-1/2 ช้อนโต๊ะ
นมสด มากน้อยกว่านี้ตามชอบ 1/2 ถ้วย
วิปปิ้งครีม และผงโกโก้สำหรับตกแต่ง
วิธีทำ
1.เอาน้ำเปล่าส่วนที่ 2 ใส่ลงในถ้วยใบเล็ก ๆ สักใบ ใช้ช้อนตักเจลาตินผงโปรยลงในน้ำ เอาช้อนกาแฟคนเบาๆ พอเข้ากัน แล้วตั้งพักไว้ประมาณ 10 นาที
2.จากนั้นก็มาทำน้ำกาแฟ ด้วยการเทน้ำเปล่าส่วนที่ 1 ใส่ลงในหม้อใบเล็กๆ ตามด้วยผงกาแฟ คนด้วยทัพพีพอเข้ากัน แล้วยกหม้อขึ้นตั้งบนเตาไฟ เปิดไฟกลางๆ รอจนน้ำในหม้อเดือดก็หรี่ไฟลงเป็นไฟอ่อน ต้มต่อประมาณ 2 นาที
3.พอครบ 2 นาทีก็เทส่วนผสมในหม้อใส่ลงในถุงกรองที่รองด้วยหม้อหรือชามใบโตสักหน่อย กรองเอาไว้แต่น้ำกาแฟ ส่วนกากกาแฟก็ทิ้งครับ
4.นำเอาน้ำกาแฟที่ได้ เทใส่ลงในหม้อใบเล็กๆ อีกใบ ใส่ Coffee Sugar ลงไป ตั้งบนเตา เปิดไฟกลาง คนจนกระทั่ง Coffee Sugar ละลายหมด ก็ปิดไฟเตา
5.แล้วเทเจลาตินที่เตรียมไว้ลงไป คนให้เข้ากันดี ก็เทใส่ถ้วยหรือพิมพ์ที่ชอบ พักไว้ให้พออุ่นๆ สักหน่อย ก็เอาเข้าแช่ในตู้เย็นจนกระทั่งเยลลี่กาแฟของเราแข็งตัว
6.ถึงเวลาเสริฟ ก็หยิบถ้วยเยลลี่กาแฟของเราออกมาจากตู้เย็น แล้วเทนมสดใส่ลงไป ชอบมากใส่มากชอบน้อยใส่น้อย
วุ้นกรอบข้าวเหนียวแก้ว
วุ้นกรอบข้าวเหนียวแก้ว
ข้าวเหนียวแก้ว
ข้าวเหนียวเขี้ยวงู 330 กรัม
ปูนแดง ¼ ช้อนชา
กะทิ 280 มิลลิลิตร
น้ำตาลทราย 160 กรัม
เกลือ ½ ช้อนชา
น้ำดอกอัญชัน 2 ช้อนโต๊ะ
งาขาวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
วุ้นส้ม
ผงวุ้น 2 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 140 กรัม
สีผสมอาหาร (สีส้ม) 4 หยด
กลิ่นส้ม 1 ช้อนชา
วิธีทำ
1. แช่ข้าวเหนียวในน้ำสะอาดใส่ปูนแดงลงไปผสมในน้ำเพื่อช่วยให้เม็ดข้าวไม่เละเวลานำไปมูลแช่ไว้เป็นเวลา 3 ชั่วโมง
2. ล้างข้าวเหนียวให้สะอาดแล้วห่อด้วยผ้าขาวบางนำไปนึ่งในลังถึงที่ร้อนดีเป็นเวลา 25 นาที
3. เตรียมกะทิในหม้อมีฝาใส่ข้าวเหนียวร้อนๆลงในน้ำกะทิปิดฝาพักจนข้าวเหนียวมูลเย็นลงและข้าวเหนียวดูดกะทิจนแห้งดี
4. ระหว่างรอข้าวเหนียวเตรียมหม้ออีกใบสำหรับทำวุ้นใส่น้ำสะอาด 2 ถ้วยลงในหม้อโรยผงวุ้นลงไปพักไว้ 10 นาทีเพื่อให้ผงวุ้นดูดน้ำเตรียมถ้วยวุ้นในเล็กๆในถาดนำส่วนผสมวุ้นตั้งไฟคนให้ผงวุ้นละลายดีพอเดือดก็ใส่น้ำตาลทรายสีและกลิ่นลงไปเคี่ยวต่ออีก 5 นาทีตักใส่ถ้วยวุ้นเป็นสูงครึ่งถ้วยพักให้เย็นลง
5. นำข้าวเหนียวกลับไปตั้งไฟใช้ความร้อนต่ำใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไปเคี่ยวจนข้าวเหนียวแห้งขึ้นประมาณ 25 นาทีใส่น้ำดอกอัญชันลงไปคนต่อจนแห้งดีตักใส่ถาดพักให้เย็นลง
6. จับข้าวเหนียวเป็นคำๆวางลงบนวุ้นโรยหน้าด้วยงาดำคั่วก่อนเสิร์ฟ
ข้าวเหนียวแก้ว
ข้าวเหนียวเขี้ยวงู 330 กรัม
ปูนแดง ¼ ช้อนชา
กะทิ 280 มิลลิลิตร
น้ำตาลทราย 160 กรัม
เกลือ ½ ช้อนชา
น้ำดอกอัญชัน 2 ช้อนโต๊ะ
งาขาวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
วุ้นส้ม
ผงวุ้น 2 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 140 กรัม
สีผสมอาหาร (สีส้ม) 4 หยด
กลิ่นส้ม 1 ช้อนชา
วิธีทำ
1. แช่ข้าวเหนียวในน้ำสะอาดใส่ปูนแดงลงไปผสมในน้ำเพื่อช่วยให้เม็ดข้าวไม่เละเวลานำไปมูลแช่ไว้เป็นเวลา 3 ชั่วโมง
2. ล้างข้าวเหนียวให้สะอาดแล้วห่อด้วยผ้าขาวบางนำไปนึ่งในลังถึงที่ร้อนดีเป็นเวลา 25 นาที
3. เตรียมกะทิในหม้อมีฝาใส่ข้าวเหนียวร้อนๆลงในน้ำกะทิปิดฝาพักจนข้าวเหนียวมูลเย็นลงและข้าวเหนียวดูดกะทิจนแห้งดี
4. ระหว่างรอข้าวเหนียวเตรียมหม้ออีกใบสำหรับทำวุ้นใส่น้ำสะอาด 2 ถ้วยลงในหม้อโรยผงวุ้นลงไปพักไว้ 10 นาทีเพื่อให้ผงวุ้นดูดน้ำเตรียมถ้วยวุ้นในเล็กๆในถาดนำส่วนผสมวุ้นตั้งไฟคนให้ผงวุ้นละลายดีพอเดือดก็ใส่น้ำตาลทรายสีและกลิ่นลงไปเคี่ยวต่ออีก 5 นาทีตักใส่ถ้วยวุ้นเป็นสูงครึ่งถ้วยพักให้เย็นลง
5. นำข้าวเหนียวกลับไปตั้งไฟใช้ความร้อนต่ำใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไปเคี่ยวจนข้าวเหนียวแห้งขึ้นประมาณ 25 นาทีใส่น้ำดอกอัญชันลงไปคนต่อจนแห้งดีตักใส่ถาดพักให้เย็นลง
6. จับข้าวเหนียวเป็นคำๆวางลงบนวุ้นโรยหน้าด้วยงาดำคั่วก่อนเสิร์ฟ
วุ้นสังขยา
วุ้นสังขยา
ส่วนผสม
1.วุ้นผง 2ชต.
ส่วนผสม
1.วุ้นผง 2ชต.
2.หัวกะทิ 1ถ้วย
3.ไข่ 4ฟอง(ใช้ไข่ไก่ 2 ไข่เป็ด2)
4.น้ำตาลปึก 1ถ้วย
5.น้ำตาลทราย 3/4ถ้วย
6.น้ำสะอาด 3ถ้วย 7.ใบเตย 8ใบ
วิธีทำ
1.ผสมกะทิ น้ำตาลปึก และไข่ โดยใช้ใบเตย 3ใบขยำให้ส่วนผสมเข้ากันดี แล้วนำไปกรอง ใส่ภาชนะพักไว้
2.โขลกใบเตย 5ใบ ใส่น้ำลงไปแล้วกรองเอากากออก จะได้น้ำใบเตย
3.ใส่วุ้นลงในน้ำสะอาด 3ถ้วย คนให้วุ้นละลาย ใส่น้ำใบเตยลงไป แล้วนำขึ้นตั้งเตา พอเดือดดีใส่น้ำตาลทราย คนให้ส่วนผสมเริ่มใส พอวุ้นเดือดดี ค่อยๆเทส่วนผสมสังขยา(ในข้อ1)ลงไป โดยคนตลอดเวลา เพื่อไม่ให้เป็นก้อน พอสังขยาสุก ยกลงจากเตา ตักใส่พิมพ์ รอจนวุ้นเย็นตัวลง นำเข้าแช่ตู้เย็น ทานตอนวุ้นเย็นๆจะอร่อย
วิธีทำ
1.ผสมกะทิ น้ำตาลปึก และไข่ โดยใช้ใบเตย 3ใบขยำให้ส่วนผสมเข้ากันดี แล้วนำไปกรอง ใส่ภาชนะพักไว้
2.โขลกใบเตย 5ใบ ใส่น้ำลงไปแล้วกรองเอากากออก จะได้น้ำใบเตย
3.ใส่วุ้นลงในน้ำสะอาด 3ถ้วย คนให้วุ้นละลาย ใส่น้ำใบเตยลงไป แล้วนำขึ้นตั้งเตา พอเดือดดีใส่น้ำตาลทราย คนให้ส่วนผสมเริ่มใส พอวุ้นเดือดดี ค่อยๆเทส่วนผสมสังขยา(ในข้อ1)ลงไป โดยคนตลอดเวลา เพื่อไม่ให้เป็นก้อน พอสังขยาสุก ยกลงจากเตา ตักใส่พิมพ์ รอจนวุ้นเย็นตัวลง นำเข้าแช่ตู้เย็น ทานตอนวุ้นเย็นๆจะอร่อย
วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2558
ยำหอยแครง
ยำหอยแครง
ส่วนผสม
1. เนื้อหอยแครงสดๆ 3/4 ถ้วยตวง
2. พริกชี้หนูแดง 5 เม็ด
3. ตะไคร้ซอย 3 ช้อนโต๊ะ
4. โหระพาใบ 10-15 ใบ
5. หอมแดงซอย 2 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
8. น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีลวกหอยแครงสด ต้องล้างให้เปลือกหอยสะอาดแล้วลวกในน้ำเดือดจัด ทยอยลวก เพราะถ้าใส่ไปทีเดียวเยอะๆ เปลือกหอยที่เย็นจะทำให้น้ำลดอุณหภูมิลงไปมาก พอใส่หอยลงน้ำเดือด เมื่อน้ำเดือดอีกครั้งให้ค่อยจับเวลา ใช้เวลาเพียงแค่ 20 วินาทีก็จะสุกพอดี ไม่สุกเกินไป นำขึ้นจากน้ำแกะเอาแต่เนื้อ ตัวที่มีกลิ่นให้ทิ้งไป มีโคลนให้ล้างออก
ผสมน้ำยำ น้ำปลา น้ำตาล น้ำมะนาว คนให้ละลายพักไว้
ผสมเนื้อหอย น้ำยำ หอมแดง พริก ตะไคร้เข้าด้วยกันจนทั่ว ตามด้วยโหระพา
ส่วนผสม
1. เนื้อหอยแครงสดๆ 3/4 ถ้วยตวง
2. พริกชี้หนูแดง 5 เม็ด
3. ตะไคร้ซอย 3 ช้อนโต๊ะ
4. โหระพาใบ 10-15 ใบ
5. หอมแดงซอย 2 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
8. น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีลวกหอยแครงสด ต้องล้างให้เปลือกหอยสะอาดแล้วลวกในน้ำเดือดจัด ทยอยลวก เพราะถ้าใส่ไปทีเดียวเยอะๆ เปลือกหอยที่เย็นจะทำให้น้ำลดอุณหภูมิลงไปมาก พอใส่หอยลงน้ำเดือด เมื่อน้ำเดือดอีกครั้งให้ค่อยจับเวลา ใช้เวลาเพียงแค่ 20 วินาทีก็จะสุกพอดี ไม่สุกเกินไป นำขึ้นจากน้ำแกะเอาแต่เนื้อ ตัวที่มีกลิ่นให้ทิ้งไป มีโคลนให้ล้างออก
ผสมน้ำยำ น้ำปลา น้ำตาล น้ำมะนาว คนให้ละลายพักไว้
ผสมเนื้อหอย น้ำยำ หอมแดง พริก ตะไคร้เข้าด้วยกันจนทั่ว ตามด้วยโหระพา
วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2558
ชูครีมสตอเบอรี่
ชูครีมสตอเบอรี่
แป้งสาลีอเนกประสงค์ 150 กรัม
เนยจืด 100 กรัม
น้ำเปล่า 125 กรัม
นมสดรสจืด 125 กรัม
น้ำตาลทราย 4 กรัม
เกลือ 4 กรัม
ไข่ไก่ 3 ฟอง
วิธีทำ
1.เตรียมเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส
2.ใส่น้ำ นม เนย น้ำตาล และเกลือ ลงในหม้อ ตั้งไฟกลาง
3.ใช้ไม้พายคนให้ส่วนผสมเข้ากัน พอเนยละลาย จึงใส่แป้งลงไป
4.คนด้วยความเร็วจนแป้งจับตัวกัน และไม่ติดก้นหม้อ จึงยกลงจากเตา
5.ตั้งส่วนผสมทิ้งไว้จนควันหาย หรือไม่ร้อนจัดเกินไปจึงใส่ไข่ลงไปทีละฟอง คนให้เข้ากันจนเนื้อเนียน สังเกตจากใช้ไม้พายตักแป้งขึ้นมา หากแป้งเป็นสายติดกัน ไม่ขาด แสดงว่าได้ที่แล้ว
6.ตักส่วนผสมใส่ถุงบีบ บีบลงถาดอบ รองด้วยกระดาษไข กะขนาดให้ได้เส้นผ่านศูนย์กลาง 2 นิ้ว จากนั้นทาไข่ก่อนนำเข้าเตาอบ
7.ลดอุณหภูมิลงมาที่ 160 องศาเซลเซียส อบประมาณ 25-30 นาที จนแป้งเหลืองและพองตัวเต็มที่
8.พักให้เย็นสนิท นำแป้งชูมาผ่าครึ่ง บีบครีมตรงกลาง ตกแต่งด้วยสตรอว์เบอร์รี่สด และโรยน้ำตาลไอซิ่งตามชอบ
ส่วนผสมสตรอว์เบอร์รี่ครีม
วิปปิ้งครีม 250 กรัม
สตรอว์เบอร์รี่บดละเอียด 75 กรัม
น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
น้ำตาลทรายป่น 25 กรัม
สตรอว์เบอร์รี่สดสำหรับตกแต่ง 6 ลูก
น้ำตาลไอซิ่งสำหรับโรยหน้า
วิธีทำ
ผสมสตรอว์เบอร์รี่บด น้ำมะนาว และน้ำตาลทราย เข้าด้วยกันในหม้อ นำไปต้มจนน้ำตาลละลาย พักไว้ให้เย็นสนิท
ตีวิปปิ้งครีมให้ขึ้นฟู จนตั้งยอดอ่อน จากนั้นนำมาผสมกับส่วนผสมข้อ 1 ให้เข้ากันอย่างเบามือ ตักใส่ถุงบีบ เตรียมไว้
หม้อแกงไข่
หม้อแกงไข่ส่วนผสม
1. ไข่เป็ด 3 ฟอง
2. ไข่ขาว(ไข่ไก่) 10 ฟอง
3. น้ำตาลทราย 200 กรัม
4. น้ำตาลปี๊บอย่างดี 300 กรัม
5. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/4 ถ้วย
6. น้ำมันพืช(ได้จากเจียวหอม) 3/4 ถ้วย
7. กะทิสดหรือหัวกะทิ 2 1/2 ถ้วย
8. ใบเตยหอมหั่นท่อน
วิธีทำ
1. เตรียมอ่างผสม ตอกไข่เป็ดลงไป ผสมกับไข่ขาว ตามด้วยใบเตย น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย ขยำจนสวนผสมไข่และน้ำตาลละลายเข้ากัน ค่อยๆใส่แป้งและกะทิ นวดจนเข้ากัน แล้วนำมากรองเอาเศษสกปรกออก
2. นำส่วนผสมที่กรองไว้ ผสมกับน้ำมันพืชที่ได้จากการเจียวหอม ตักหยอดใส่พิมพ์ วางบนถาดที่หล่อน้ำไว้ เตรียมเข้าเตาอบ
3. ใช้อุณหภูมิ 180-200 องศาเซลเซียส ประมาณครึ่งชั่วโมง เมื่อสุก ให้นำออกมาโรยหอมเจียว เพื่อเพิ่มกลิ่นเล็กน้อย
1. ไข่เป็ด 3 ฟอง
2. ไข่ขาว(ไข่ไก่) 10 ฟอง
3. น้ำตาลทราย 200 กรัม
4. น้ำตาลปี๊บอย่างดี 300 กรัม
5. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/4 ถ้วย
6. น้ำมันพืช(ได้จากเจียวหอม) 3/4 ถ้วย
7. กะทิสดหรือหัวกะทิ 2 1/2 ถ้วย
8. ใบเตยหอมหั่นท่อน
วิธีทำ
1. เตรียมอ่างผสม ตอกไข่เป็ดลงไป ผสมกับไข่ขาว ตามด้วยใบเตย น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย ขยำจนสวนผสมไข่และน้ำตาลละลายเข้ากัน ค่อยๆใส่แป้งและกะทิ นวดจนเข้ากัน แล้วนำมากรองเอาเศษสกปรกออก
2. นำส่วนผสมที่กรองไว้ ผสมกับน้ำมันพืชที่ได้จากการเจียวหอม ตักหยอดใส่พิมพ์ วางบนถาดที่หล่อน้ำไว้ เตรียมเข้าเตาอบ
3. ใช้อุณหภูมิ 180-200 องศาเซลเซียส ประมาณครึ่งชั่วโมง เมื่อสุก ให้นำออกมาโรยหอมเจียว เพื่อเพิ่มกลิ่นเล็กน้อย
ขนมก้านบัว
ขนมก้านบัว
ส่วนประกอบตัวแป้ง
1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ถ้วย
2. ผงฟู 1 ช้อนชา
3. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
4. เกลือ 1/3 ช้อนชา
5. ไข่ไก่แดง 1 ฟอง
6. น้ำปูนใส 1 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
8. กะทิ 1/2 ถ้วยตวง
ส่วนประกอบน้ำเคลือบ
1. น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วยตวง
2. ต้นหอมหั่น 4-5 ใบ
3. น้ำ 1/4 ถ้วยตวง
4. เกลือ 1/2 ช้อนชา
1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ถ้วย
2. ผงฟู 1 ช้อนชา
3. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
4. เกลือ 1/3 ช้อนชา
5. ไข่ไก่แดง 1 ฟอง
6. น้ำปูนใส 1 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
8. กะทิ 1/2 ถ้วยตวง
ส่วนประกอบน้ำเคลือบ
1. น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วยตวง
2. ต้นหอมหั่น 4-5 ใบ
3. น้ำ 1/4 ถ้วยตวง
4. เกลือ 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
1. ผสมแป้งสาลีอเนกประสงค์ ผงฟู น้ำตาลและเกลือ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
1. ผสมแป้งสาลีอเนกประสงค์ ผงฟู น้ำตาลและเกลือ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
2. ผสมส่วนที่เป็นน้ำให้เข้ากันก่อนมี ไข่ไก่แดง น้ำมันพืช น้ำปูนใส
3. ค่อยเทส่วนผสมน้ำ นวดกับแป้ง และใส่น้ำกะทินวดต่อจนแป้งเหนียวปั้นได้ พักแป้งไว้ 30-60 นาที
3. ค่อยเทส่วนผสมน้ำ นวดกับแป้ง และใส่น้ำกะทินวดต่อจนแป้งเหนียวปั้นได้ พักแป้งไว้ 30-60 นาที
4. ปั้นแป้งให้เป็นเส้นยาว และใช้มีดตัดให้มีความยาวเท่าๆกัน
5. ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟปานกลาง นำขนมลงทอด คอยคนไปมาเพื่อให้ขนมสุกเหลืองทั่วกันดี ตักพักบนตะแกรงเพื่อให้สะเด็ดน้ำมัน
6. เตรียมน้ำเคลือบ โดยนำภาชนะตั้งไฟละลายน้ำตาลทรายกับน้ำเปล่า ปรุงรสชาติด้วยเกลือ เคี่ยวต่อจนเหนียว (สังเกตน้ำตาลที่ขอบถาชนะเป็นเกล็ดขาว) ใส่ต้นหอมหั่นฝอยลงไป หรี่ไฟลง
7. นำขนมที่ทอดพักไว้ มาคลุกกับน้ำตาลให้ทั่ว
5. ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟปานกลาง นำขนมลงทอด คอยคนไปมาเพื่อให้ขนมสุกเหลืองทั่วกันดี ตักพักบนตะแกรงเพื่อให้สะเด็ดน้ำมัน
6. เตรียมน้ำเคลือบ โดยนำภาชนะตั้งไฟละลายน้ำตาลทรายกับน้ำเปล่า ปรุงรสชาติด้วยเกลือ เคี่ยวต่อจนเหนียว (สังเกตน้ำตาลที่ขอบถาชนะเป็นเกล็ดขาว) ใส่ต้นหอมหั่นฝอยลงไป หรี่ไฟลง
7. นำขนมที่ทอดพักไว้ มาคลุกกับน้ำตาลให้ทั่ว
โตเกียวชาไทย
โตเกียวชาไทย
แป้งขนมโตเกียว
แป้งสาลีอเนกประสงค์ 60 กรัม
เบกกิ้งโซดา ¼ ช้อนชา
ผงฟู ¼ ช้อนชา
ไข่ไก่ 1 ฟอง
น้ำตาลทราย 30 กรัม
นมสด 40 มิลลิลิตร
กลิ่นวานิลลา ½ ช้อนชา
คัสตาร์ดไวท์ช็อกโกแลตชาไทย
นมสด 1 ถ้วย
ผงชาไทย 2 ช้อนชา
ไข่แดง 3 ฟอง
น้ำตาลทราย 40 กรัม
แป้งสาลีอเนกประสงค์ 10 กรัม
แป้งข้าวโพด 10 กรัม
ไวท์ช็อกโกแลตคอมพาวด์ 20 กรัม
1. ทำคัสตาร์ด โดยนำนมสดไปตั้งไฟ ใส่ผงชาไทยลงไป
2. ตีไข่แดง กับน้ำตาลทราย แป้งสาลีและแป้งข้าวโพด ตามลำดับ
3. พอส่วนประกอบของชาเริ่มเดือด เทใส่ส่วนผสมไข่ คนให้เข้ากัน
4. ล้างหม้อให้สะอาดดี แล้วกรองส่วนประกอบคัสตาร์ดใส่กลับลงไป นำไปกวนต่อบนความร้อนด้วยตะกร้อมือจนสุกดี
5. ยกคัสตาร์ดออกจากความร้อน สับไวท์ช็อกโกแลตคอมพาวด์ใส่ลงไป คนให้ละลายดี ตักส่วนผสมออกมาใส่ชาม พักให้เย็นลง
6. ทำแป้งขนมโตเกียว โดยตีไข่ไก่ น้ำตาลทราย นมสด และกลิ่นวานิลลาเข้าด้วยกัน ร่อนแป้งสาลี เบกกิ้งโซดา และผงฟูใส่ตามลงไป ตีต่อให้เข้ากันดี
7. ตั้งกระทะเพื่อให้ทำขนมโตเกียวใช้ความร้อนต่ำใช้ช้อนชาตักแป้งลงบนกระทะ เกลี่ยเป็นแผ่นบาง พอแป้งเริ่มสุก ตักไส้ลงบนกลางตัวขนม แซะแป้งแล้วม้วนเป็นแท่งกลม ตักขึ้นจากกระทะ
ขนุนเชื่อม
ขนุนเชื่อม
1. เนื้อขนุน (ห่ามค่อนข้างดิบ) 500 กรัม
2. น้ำตาลทราย 500 กรัม
3. น้ำเปล่า 4 ถ้วย
4. กะทิ 1/2 ถ้วย
5. แป้งข้าวเจ้าหรือแป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา
6. เกลือ 1/2 ช้อนชา
7. น้ำปูนใส สำหรับแช่ขนุน 2 ถ้วย
วิธีทำ
1. ล้างขนุนให้สะอาด แช่ในน้ำปูนใส 20-30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง
2. ระหว่างนั้นเตรียมน้ำกะทิสำหรับราดขนม โดยนำกะทิตั้งไฟอ่อน ละลายแป้งกับน้ำใส่ลงไป คนให้ทั่ว ปรุงรสชาติด้วยเกลือ ยกลงพักไว้
3. นำกระทะทองเหลืองหรือหม้อตั้งไฟปานกลาง ใส่น้ำละลายน้ำตาลทราย คอยคนไม่ให้ก้นหม้อไหม้ จนน้ำเชื่อมเดือด ให้เคี่ยวต่อไปอีก 10-15 นาที
4. ใส่เนื้อขนุนลงไปเชื่อมต่ออีก 20-30 นาที ระหว่างนี้คอยคนอย่างเบามือ เมื่อน้ำเชื่อมเริ่มเหนียวข้น ปิดไฟพักขนมไว้ให้อุ่น
5. ตักเอาแต่เนื้อขนุนใส่จานเสิร์ฟ ราดหน้าด้วยน้ำกะทิรสเค็มมันครบครันความอร่อย
ขนมปั้นขลิบทอด(ไส้หมูหยอง)
ขนมปั้นขลิบทอด(ไส้หมูหยอง)
ส่วนผสมแป้ง
* แป้งสาลี 200 กรัม
* แป้งข้าวเจ้า 50 กรัม
* ไข่ไก่ 1 ฟอง
* น้ำปูนใส 1/4 ถ้วย
* หัวกะทิ 1 ถ้วย
* น้ำตาล 3 ช้อนโต๊ะ
* น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสมไส้
* หมูหยอง 200 กรัม
* น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
* น้ำพริกเผา 1.5 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. เตรียมทำแป้งไว้ โดยนำแป้งข้าวเจ้าและแป้งสาลีมาร่อนเข้าด้วยกัน จากนั้น จึงเติมน้ำตาลทราย, ไข่ไก่, น้ำมัน, น้ำปูนใส และหัวกะทิเข้าด้วยกัน นวดแป้ง ไปเรื่อยๆจนส่วนผสมเข้ากัน และตัวแป้งมีเนื้อเนียน นุ่ม จากนั้นจึงพักแป้งทิ้งไว้ ประมาณ 1 ชั่วโมง
2. ระหว่างรอแป้งที่พักไว้ เตรียมทำไส้โดยนำหมูหยองนำมายีให้เนื้อละเอียด แยกออกจากกันไม่เป็นก้อน เสร็จแล้วใส่น้ำพริกเผาและน้ำตาลลงไป คลุกจน ส่วนผสมเข้ากันดี พักไว้
3. เมื่อพักแป้งครบหนึ่งชั่วโมง จึงนำมาปั้น โดยแบ่งเป็นก้อนกลม ขนาดเส้น ผ่าศูนย์กลางประมาณ 1-1.5 ซม. กดให้แบนเป็นแผ่นบางๆ
4. ใส่ไส้หมูหยองพอประมาณ (ที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่ 2) โดยใส่ลงที่ตรง กลางของแผ่นแป้ง และพับขอบแป้งให้ปลายติดกันทั้งสองข้าง ใช้นิ้วค่อยๆบีบ ปลายแผ่นแป้งให้เป็นเกลียว
5. ตั้งน้ำมันในกระทะบนไฟร้อนปานกลาง พอน้ำมันร้อนจึงนำปั้นขลิปที่ปั้นไว้ นำลงไปทอดจนสุกเหลือง นำขึ้นมาสะเด็ดน้ำมัน พักไว้
ขนมฟักเขียว
ขนมฟักเขียว
1. ฟักเขียวขูดฝอย 1 1/2 ถ้วยตวง
2. แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วยตวง
3. แป้งมัน 1/4 ถ้วยตวง
4. แป้งข้าวเหนียว 1/4 ถ้วยตวง
5. แป้งท้าวยายม่อม 2 ช้อนโต๊ะ
6. กะทิ 4 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วยตวง
8. เกลือ 1/4 ช้อนชา
9. มะพร้าวทึนทึกขูดฝอย 1/4 ถ้วยตวง
วิธีทำ
1. ปอกฟักเขียว หั่นตามยาวและคว้านเอาเม็ดออก ขูดเนื้อฟักให้เป็นเส้นฝอย พักไว้สักครู่ ให้น้ำฟักออก (ก่อนทำให้บีบน้ำออกเอาแต่เนื้อ)
2. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน แป้งข้าวเหนียวและแป้งท้าวยายม่อนให้เข้ากัน ใส่ฟักเขียว กะทิและน้ำตาลทราย คลุกเคล้าให้เข้ากันไปสักพัก จนส่วนผสมเริ่มเหลว
3. ตั้งซึ้งใส่น้ำสำหรับหนึ่ง ใช้ไฟแรงจนน้ำเดือดแล้วจึงลดให้ไฟปานกลาง
4. ตักส่วนผสมใส่พิมพ์ นึ่ง 30-40 นาที หรือจนกว่าจะสุก
5. พักขนมให้อุ่น ตัดขนมเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาดพอคำ โรยหน้าด้วยมะพร้าวนึ่งคลุกเกลือ
มันสำปะหลังเชื่อม
มันสำปะหลังเชื่อม
1. มันสำปะหลัง (ล้างหั่นเป็นสี่เหลี่ยมเท่าๆ กัน) 1 -2 หัว
2. น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
3. น้ำ 2 1/2 ถ้วย
4. น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
5. หัวกะทิ 1 ถ้วย
6. แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนชา
7. เกลือป่น 1/8 ช้อนชา
2. น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
3. น้ำ 2 1/2 ถ้วย
4. น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
5. หัวกะทิ 1 ถ้วย
6. แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนชา
7. เกลือป่น 1/8 ช้อนชา
วิธีทำ
1. มันสำปะหลัง ล้าง ปอกเปลือกและหั่นเป็นสี่เหลี่ยมขนาดเท่ากัน นำไปต้มในน้ำเดือด ให้เกือบสุก
1. มันสำปะหลัง ล้าง ปอกเปลือกและหั่นเป็นสี่เหลี่ยมขนาดเท่ากัน นำไปต้มในน้ำเดือด ให้เกือบสุก
2. หม้อใส่น้ำกะทิ แป้งข้าวเจ้า และเกลือตั้งไฟอ่อนๆ คนจนเข้ากันดี ให้กะทิจับฝัก (กะทิเป็นเม็ดๆ ทำให้กะทิไม่แยกตัวเป็นชั้นเวลาทิ้งไว้) ปิดไฟและพักไว้
3. กระทะทองเหลืองใส่น้ำตาลทราย น้ำ นำมะนาว ตั้งไฟอ่อนถึงกลาง เคี่ยวน้ำตาลละลาย น้ำพอเดือด ใส่มันลงไปเชื่อม ใช้ไฟอ่อนเชื่อมไปเรื่อยๆ มันจะใสเป็นเงาเวลาเสริฟ์ ราดหน้าด้วยน้ำกะทิ หรือตักน้ำกะทิแยกต่างหาก
3. กระทะทองเหลืองใส่น้ำตาลทราย น้ำ นำมะนาว ตั้งไฟอ่อนถึงกลาง เคี่ยวน้ำตาลละลาย น้ำพอเดือด ใส่มันลงไปเชื่อม ใช้ไฟอ่อนเชื่อมไปเรื่อยๆ มันจะใสเป็นเงาเวลาเสริฟ์ ราดหน้าด้วยน้ำกะทิ หรือตักน้ำกะทิแยกต่างหาก
ส้มลิ้ม
ส้มลิ้ม- มะแก้วแก่จัดแต่ไม่สุก 200 กรัม
- น้ำตาลทราย 200 กรัม
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
- น้ำปูนใส นำปูนมาละลายกับน้ำรอให้ปูนตกตะกอน แล้วตักน้ำใสมาใช้
วิธีทำ
- ปอกมะม่วง แล้วขูดให้เป้นเส้น แล้วนำไปแช่น้ำปูนใส 10 นาที
แล้วกรองเนื้อมะม่วง แล้วล้างน้ำ ใส่ตะกระชอนให้สะเด็ดน้ำ
- นำมะม่วงใส่ภาชนะทีใช้กวน ใส่น้ำตาลทราย เกลือ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
นำไปตั้งไฟอ่อน คนเป็นบางครั้งนะ สังเกตุดูสีเนื้อมะม่วงใส ๆ ก็ใช้ได้
- น้ำตาลทราย 200 กรัม
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
- น้ำปูนใส นำปูนมาละลายกับน้ำรอให้ปูนตกตะกอน แล้วตักน้ำใสมาใช้
วิธีทำ
- ปอกมะม่วง แล้วขูดให้เป้นเส้น แล้วนำไปแช่น้ำปูนใส 10 นาที
แล้วกรองเนื้อมะม่วง แล้วล้างน้ำ ใส่ตะกระชอนให้สะเด็ดน้ำ
- นำมะม่วงใส่ภาชนะทีใช้กวน ใส่น้ำตาลทราย เกลือ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
นำไปตั้งไฟอ่อน คนเป็นบางครั้งนะ สังเกตุดูสีเนื้อมะม่วงใส ๆ ก็ใช้ได้
เสน่ห์จันทร์
เสน่ห์จันทร์1. แป้งข้าวเหนียว 1/4 ถ้วย
2. แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วย
3. น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
4. กะทิ-กล่อง (แยก 1/2 ถ้วยไปผสมไข่แดง) 1 1/2 ถ้วย
5. ไข่แดงไข่ไก่ (ผสมกะทิ 1/2 ถ้วย) 1 ฟอง
6. ผงลูกจันทน์ป่น 1 ช้อนชา
7. ผงโกโก้ 1 ช้อนชา
8. ผ้าขาวบาง ถาดใส่ผ้าชุมน้ำวางข้างกะทะที่กวนขนม
วิธีทำ
1. อ่างใส่แป้งข้าวเหนียว แป้งข้าวเจ้า น้ำตาล ผงจันทน์ เคล้าให้เข้ากัน ใส่กะทิ 1 ถ้วย (ค่อยๆ ใส่) ใช้พายยางคนให้เข้ากัน ให้น้ำตาลละลาย ใส่ไข่แดงผสมกะทิ 1/2 ถ้วย) คนให้เข้ากัน กรองด้วยผ้าข้าวบางเทใส่กะทะทอง ตั้งๆไฟ (อ่อนมากๆ) กวนช้าๆ เป็นวงกลม พอส่วนผสมเริ่มข้นขึ้น กวนแบบชักไปขึ้นลงช้าๆ
2. การกวนขนม – ใช้มือแต่ข้างกะทะทองเพื่อตรวจดูอุณหภูมิ ถ้าร้อนเกินมือจับได้ ยกลงวางบนถาดที่มีผ้าเปียกน้ำ กวนขนมต่อไป จนรู้สึกว่ากะทะเริ่มเย็นตัวลง ยกขึ้นตั้งไฟใหม่ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ใช้เวลากวนประมาณ 1 1/2 ชม ดูแป้งข้นเหนียว แบ่งแป้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ ผสมผงโกโก้ (ทำเป็นขั้วจุก) นำส่วนที่เหลือไปกวนต่อเล็กน้อย ยกลงจากเตา ปั้นเป็นก้อนกลม บุ๋มเล็กน้อยตรงกลาง ส่วนที่ผสมโกโก้เป็นเป็นขั้วจุกสามแฉกใส่ตรงกลางลูก หรือปั้นเป้นเส้นเล็กๆ แล้วขดเป็นวงกลมแปะด้านบนก็ได้ จัดใส่จาน อาจอบควันเทียนในรังถึงเพิ่มความหอม
2. แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วย
3. น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
4. กะทิ-กล่อง (แยก 1/2 ถ้วยไปผสมไข่แดง) 1 1/2 ถ้วย
5. ไข่แดงไข่ไก่ (ผสมกะทิ 1/2 ถ้วย) 1 ฟอง
6. ผงลูกจันทน์ป่น 1 ช้อนชา
7. ผงโกโก้ 1 ช้อนชา
8. ผ้าขาวบาง ถาดใส่ผ้าชุมน้ำวางข้างกะทะที่กวนขนม
วิธีทำ
1. อ่างใส่แป้งข้าวเหนียว แป้งข้าวเจ้า น้ำตาล ผงจันทน์ เคล้าให้เข้ากัน ใส่กะทิ 1 ถ้วย (ค่อยๆ ใส่) ใช้พายยางคนให้เข้ากัน ให้น้ำตาลละลาย ใส่ไข่แดงผสมกะทิ 1/2 ถ้วย) คนให้เข้ากัน กรองด้วยผ้าข้าวบางเทใส่กะทะทอง ตั้งๆไฟ (อ่อนมากๆ) กวนช้าๆ เป็นวงกลม พอส่วนผสมเริ่มข้นขึ้น กวนแบบชักไปขึ้นลงช้าๆ
2. การกวนขนม – ใช้มือแต่ข้างกะทะทองเพื่อตรวจดูอุณหภูมิ ถ้าร้อนเกินมือจับได้ ยกลงวางบนถาดที่มีผ้าเปียกน้ำ กวนขนมต่อไป จนรู้สึกว่ากะทะเริ่มเย็นตัวลง ยกขึ้นตั้งไฟใหม่ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ใช้เวลากวนประมาณ 1 1/2 ชม ดูแป้งข้นเหนียว แบ่งแป้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ ผสมผงโกโก้ (ทำเป็นขั้วจุก) นำส่วนที่เหลือไปกวนต่อเล็กน้อย ยกลงจากเตา ปั้นเป็นก้อนกลม บุ๋มเล็กน้อยตรงกลาง ส่วนที่ผสมโกโก้เป็นเป็นขั้วจุกสามแฉกใส่ตรงกลางลูก หรือปั้นเป้นเส้นเล็กๆ แล้วขดเป็นวงกลมแปะด้านบนก็ได้ จัดใส่จาน อาจอบควันเทียนในรังถึงเพิ่มความหอม
มันรังนก
มันรังนก
มันเทศ
น้ำตาลปี๊บ
น้ำมันพืช สำหรับทอด
วิธีทำ
1.ปอกเปลือกมันออกให้หมด ล้างน้ำให้สะอาด
2.ฝานให้เป็นชิ้นบาง ๆ เท่าที่ทำได้ (หรือใช้มีดปอกเปลือก ฝานมันเทศออกเป็นแผ่นบาง ๆ)
3.ซอยมันเทศให้เป็นเส้น ๆ
4.ใส่น้ำมันลงในกระทะ นำขึ้นไฟปานกลางพอร้อน เตรียมมันเทศที่ซอยไว้ และน้ำตาลปี๊ปวางไว้ให้ใกล้มือ เพื่อสะดวกในการหยิบได้ง่าย
5.พอน้ำมันเริ่มร้อน ใส่มันเทศซอยลงไปพอประมาณ กะให้ได้ก้อนกลมพอดี
6.พอมันเทศเริ่มเหลือง หรือมีฟองน้ำมันน้อยลงแล้ว แสดงว่าเริ่มได้ที่แล้ว ให้หยิบน้ำตาลปิ๊บประมาณสักหัวแม่มือ บี้ให้แบน แล้วใส่ลงไป เพื่อให้น้ำตาลปี๊บ เคลือบเส้นมันให้ทั่ว
7.พอมันเริ่มเหลืองออกไปทางจะเข้ม ใช้กระชอนตาถี่ตักขึ้น ระหว่างนั้นใช่ตะหลิว หรือช้อนตะล่อม ให้เป็นก้อนกลม ๆ
8.ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่ามันเทศที่ซอยไว้หมด ก็จะได้มันรังนกเส้นเล็ก ๆ ไว้แทะเล่นให้เจ็บเหงือกกันแล้วครับ
ขนมบุหลันดั้น
ขนมบุหลันดั้น
ดอกอัญชัน
น้ำร้อน
กะทิ 120 กรัม
แป้งข้าวเจ้า 10 กรัม
เกลือเล็กน้อย
ไข่แดง 10 ฟอง
น้ำตาลไอซิ่ง 60 กรัม
กลิ่นวานิลลา เล็กน้อย
แป้งข้าว 100 กรัม
แป้งเท้ายายม่อม 40 กรัม
น้ำเปล่า 200 กรัม
น้ำเชื่อม 350 กรัม (พักไว้จนเย็น)
ถ้วยตะไล
วิธีทำ
1.คั้นดอกอัญชันกับน้ำร้อนให้ได้ปริมาณ 100 กรัม พักไว้
2.ผสมกะทิกับแป้งข้าวเจ้าเข้าด้วยกันแล้วนำไปเคี่ยวในกระทะให้พอข้น ๆ ใส่เกลือลงไปเล็กน้อย พักไว้
3.ตีผสมไข่แดงกับน้ำตาลไอซิ่งให้เข้ากัน
4.เติมกลิ่นวานิลลาลงไปเล็กน้อยเพื่อดับกลิ่นคาว
5.คนผสมให้เข้ากัน จากนั้นนำไปกรองให้เนื้อเนียน ๆ เตรียมไว้
6.ผสมแป้งข้าวเจ้าและแป้งเท้ายายม่อมให้เข้ากัน ค่อย ๆ เติมน้ำเปล่าลงไปผสม
7.นวดแป้งประมาณ 5 นาที แป้งจะไม่ติดมือและผิวจะมีลักษณะเงา ๆ
8.เทน้ำเปล่าที่เหลือลงไปจนหมด
9.ตามด้วยน้ำเชื่อมที่เย็นแล้ว
10.เทน้ำดอกอัญชันลงไปผสม
11.คนผสมให้เข้ากันแล้วนำไปกรอง พักไว้
12.นำถ้วยตะไลไปนึ่งให้ร้อน
13.หยอดส่วนผสมแป้งลงไปจนเกือบเต็ม ปิดฝานึ่งในน้ำเดือดประมาณ 2 -2.30 นาที ถ้าเกินกว่านั้น แป้งจะสุกเกิน สังเกตุจากขอบขนมเริ่มมีสีเข้มขึ้นและตรงกลางมีสียังอ่อน ๆ เป็นใช้ได้
14.จากนั้นให้รีบนำออกมาจากชุดนึ่งแล้วคว่ำถ้วยขนมลงชาม แป้งที่ยังไม่สุกก็จะไหลออกมา ทำให้ขนมเป็นหลุมตรงกลางแบบนี้
15.บีบหรือหยอดกะทิที่เคี่ยวไว้ลงไปในหลุม นำไปนึ่งต่ออีก 1 นาทีก็ได้ หรือจะหยอดไข่แดงเลยก็ได้
16.หยอดส่วนผสมไข่แดงลงในหลุม จากนั้นนำไปนึ่งต่ออีกประมาณ 5 นาที เป็นอันเสร็จ
ขนมจาก
ขนมจาก
1. แป้งข้าวเหนียวดำ 1 ถ้วย
2. แป้งมัน 1/3 ถ้วย
3. น้ำตาลปี๊บ 1/2 ถ้วย
4. น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
5. มะพร้าวอ่อนผสมมะพร้าวทึนทึกขูด 1 ถ้วย
6. เกลือป่น 2 ช้อนชา
7. น้ำลอยดอกมะลิหรือน้ำมะพร้าวอ่อน 1/2-1/3 ถ้วย (อย่าใส่หมด)
8. ใบจาก ไม้กลัด หรือ แม็ค
วิธีทำ
1. ผสมแป้งข้าวเหนียวดำ แป้งมัน เคล้าให้เข้ากัน ตามด้วยเนื้อมะพร้าวนวดพอเข้ากัน
2. ใส่น้ำตาลปี๊บและน้ำตาลทราย นวดให้เข้ากันดี คอยดูลักษณะแป้ง ถ้าขึ้นมากจึงเติมน้ำลอยดอกมะลิหรือน้ำมะพร้าวอ่อน คือ ข้นพอประมาณ ไม่เหลวไป ถือว่าใช้ได้
2. แป้งมัน 1/3 ถ้วย
3. น้ำตาลปี๊บ 1/2 ถ้วย
4. น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
5. มะพร้าวอ่อนผสมมะพร้าวทึนทึกขูด 1 ถ้วย
6. เกลือป่น 2 ช้อนชา
7. น้ำลอยดอกมะลิหรือน้ำมะพร้าวอ่อน 1/2-1/3 ถ้วย (อย่าใส่หมด)
8. ใบจาก ไม้กลัด หรือ แม็ค
วิธีทำ
1. ผสมแป้งข้าวเหนียวดำ แป้งมัน เคล้าให้เข้ากัน ตามด้วยเนื้อมะพร้าวนวดพอเข้ากัน
2. ใส่น้ำตาลปี๊บและน้ำตาลทราย นวดให้เข้ากันดี คอยดูลักษณะแป้ง ถ้าขึ้นมากจึงเติมน้ำลอยดอกมะลิหรือน้ำมะพร้าวอ่อน คือ ข้นพอประมาณ ไม่เหลวไป ถือว่าใช้ได้
3. ตักใส่ใบจากที่เตรียมไว้ หุ้มปลายเข้าหากันและกลัดไว้ด้วยไม้กลัดหรือแม็ค
4. ย่างด้วยไฟอ่อนหรือไฟปานกลาง สังเกต ลักษณะการสุกจากการที่ขนมจากแข็งตัวขึ้นและมีกลิ่นหอมสังเกตแป้งไม่ให้มีลักษณะเหลวมาก คือเมื่อตักใส่ใบจากแล้ว จะอยู่ตัว ไม่ไหล
วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2558
ชิฟฟ่อนส้ม
ส่วนผสมชิฟฟ่อนส้ม
•ไข่ขาว 10 กร้ม
•น้ำตาล 275 กร้ม
•น้ำมะนาว / น้ำส้มสายชู 5 กร้ม
•ไข่แดง 10 ฟอง
•น้ำ 125 กร้ม
•น้ำมันพืช 165 กร้ม
•เกลือป่น 5 กร้ม
•แป้งเค้ก 225 กร้ม
•อิมพีเรียลผงฟูดับเบิลแอ็คชั่นตราเบเกอร์สชอยส์ 7 กร้ม
•แยมส้ม
วิธีทำ
1.แยกไข่ขาว, ไข่แดง, นำไข่ขาวผสมน้ำตาลใส่เครื่องผสม ตีด้วยความเร็วปานกลาง หรือ นำน้ำส้มสายชูลงตี กระทั่งตั้งยอดพร้อมผสม, นำไข่แดง, น้ำ, น้ำมันพืช, เกลือ ลงผสมในกะละมังสแตนเลส
2.ใช้ตะกร้อมือคนผสมให้ทั่ว ขณะที่ไข่ขาวตั้งยอดแข็งตัวปานกลาง จึงนำแป้งเค้ก, ผงฟูเบเกอร์ช้อยส์ ลงผสมในไข่แดง คนผสมให้ทั่ว จึงนำไข่ขาวมาผสมค่อยๆ คนผสมจนทั่วเทใส่พิมพ์
3.นำเข้าเตาอบใช้ไฟอุณหภูมิที่ 170 องศาเซลเซียส ประมาณ 25-30 นาที หรือกระทั่งสุก พักไว้เย็น
4.ตัดเป็นชิ้นทาดด้วยแยมส้มตามภาพครับ
•ไข่ขาว 10 กร้ม
•น้ำตาล 275 กร้ม
•น้ำมะนาว / น้ำส้มสายชู 5 กร้ม
•ไข่แดง 10 ฟอง
•น้ำ 125 กร้ม
•น้ำมันพืช 165 กร้ม
•เกลือป่น 5 กร้ม
•แป้งเค้ก 225 กร้ม
•อิมพีเรียลผงฟูดับเบิลแอ็คชั่นตราเบเกอร์สชอยส์ 7 กร้ม
•แยมส้ม
วิธีทำ
1.แยกไข่ขาว, ไข่แดง, นำไข่ขาวผสมน้ำตาลใส่เครื่องผสม ตีด้วยความเร็วปานกลาง หรือ นำน้ำส้มสายชูลงตี กระทั่งตั้งยอดพร้อมผสม, นำไข่แดง, น้ำ, น้ำมันพืช, เกลือ ลงผสมในกะละมังสแตนเลส
2.ใช้ตะกร้อมือคนผสมให้ทั่ว ขณะที่ไข่ขาวตั้งยอดแข็งตัวปานกลาง จึงนำแป้งเค้ก, ผงฟูเบเกอร์ช้อยส์ ลงผสมในไข่แดง คนผสมให้ทั่ว จึงนำไข่ขาวมาผสมค่อยๆ คนผสมจนทั่วเทใส่พิมพ์
3.นำเข้าเตาอบใช้ไฟอุณหภูมิที่ 170 องศาเซลเซียส ประมาณ 25-30 นาที หรือกระทั่งสุก พักไว้เย็น
4.ตัดเป็นชิ้นทาดด้วยแยมส้มตามภาพครับ
ครัวซองต์ช็อคโกแล็ต
ครัวซองต์ช็อคโกแล็ต
แป้งขนมปัง 500 กรัม
ยีสต์แบบ active dry yeast 4 ชช
น้ำเปล่าอุ่นๆ 250 กรัม
เกลือ 12 กรัม
น้ำตาลทรายขาว 50 กรัม
เนยสด 7 ชต
ยีสต์แบบ active dry yeast 4 ชช
น้ำเปล่าอุ่นๆ 250 กรัม
เกลือ 12 กรัม
น้ำตาลทรายขาว 50 กรัม
เนยสด 7 ชต
เนย 250 กรัม
ช็อคโกแล็ต
วิธีทำ
1.ผสมของเหลวทั้งหมดรวมกัน พักไว้ ผสมของแห้งทั้งหมดให้เข้ากัน หลังจากนั้น นำมารวมกัน ลงในชามใบโต นวดด้วยมือ ไม่ต้องเติมแป้งใดๆทั้งสิ้น นวดไปเรื่อยๆ แป้งจะ เริ่มมีความเหนียว และหนืด นวดจน ไม่มีแป้งติดพื้น (ห้ามเติมแป้งทุกขั้นตอน) นวดไปราวๆ 30 นาที ถ้าจะใช้เครื่องตีแป้งก็ได้ สำหรับเรา นวดมือก็พอแล้ว ปริมาณเขาไม่เยอะมาก นวดโดยการเอาสันมือดึงแป้งไปข้างหน้า หมุนแป้งแล้วดึง ตวัดขึ้นแล้วฟาดกับโต๊ะ ต่อยๆ แบบนี้ทำไปเรื่อยแป้งจะเหนียว
2. หลังจากนั้นปั้นเป็นก้อนกลมๆ ใส่ชาม ปิดด้วยผ้าขาวบางชุบน้ำหมาด พักแป้งให้ขึ้นเป็น 2 เท่า ในอุณภูมิ 25 องศา หรือจนกว่าแป้งจะขึ้นดี เมืองหนาวก็รอไป 3-4 ชมบางที
3. เมื่อแป้งที่เราทำขึ้นดีแล้วนำมารีดออกในความยาว 18×8 นิ้ว พับครึ่งซ้ายไปหาขวา แล้วพับบนลงมาหาล่าง พันด้วยฟิลม์ นำเข้าตู้เย็นพักแป้ง 12 ชม
4.นำเนย 250 กรัม มาใส่ในถุงพลาสติกซิบล๊อค รีดให้เนยแบนราบอยู่ในถุง ขนาดที่ต้องรีดคือ 8×9 นิ้ว นำไปแช่เย็นให้เนยแข็งขึ้นมาหน่อยสักนิด เราจะมาทำการยัดเนยในขนม
5. นำแป้งออกมาจากตู้เย็นแกะถุงที่พันออก รีดแป้งอออกในขนาด 18×8 นิ้ว แล้วนำเนยที่เราแช่เย็นเมื่อกี้ออกมา ตัดถุงลอกเอาเนยออกมา วางบนมุมขวาของแป้ง พับอีกด้านของแป้งเข้าหากัน ตัดขอบออกให้สวยงามเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า พับแป้ง 1 รอบ แค่ซ้ายไปหาขวา พันพลาสติก เข้าตู้เย็นอีก 2 ชม
6.เมื่อครบ 2 ชมแล้ว นำแป้งออกมา โรยแป้งนวลที่โต๊ะ ตัดแป้งแบ่งครึ่ง แล้วรีดให้ยาว 24×8 นิ้ว ต่อ 1 แผ่นแป้ง จากนั้นตัด 3 เหลี่ยม จะได้ออกมา 6 ชิ้น ทาด้วยช็อคกาแล็ตม้วนแป้งจากด้านป้านฐานสามเหลี่มไปหายอด พักในถาดรอขึ้นอีก 2-4 ชม
7. เปิดเตาอบ 200 องศา ทาเอ็กว็อช คือ ไข่ไก่เพียวๆ ตีให้ฟู ทาที่ขนมลงไปให้ทั่วๆ อบ 15 นาที ชั้นเกือบบนสุด จะได้ขนมที่กรอบ สีออกเกรียมๆ เสมอๆกัน
ไก่ย่างพริกเกลือ
ไก่ย่างพริกเกลือ
เครื่องปรุง
เนื้อไก่ส่วนน่อง หรือสะโพก 800 กรัม
เกลือ 2 ช้อนชา
ผงพริกป่นแบบเผ็ด 2 ช้อนชา
ผงกระเทียม 2 ช้อนชา
ผงพริกไทยดำ 1 ช้อนชา
ผงพริกหวาน 1 ช้อนชา
ผงเครื่องเทศสำหรับหมักเนื้อ 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
น้ำมันสำหรับหมักอาหารย่างรส Chilli 2 ช้อนโต๊ะ
วูสเตอร์ซอส 2 ช้อนโต๊ะ
สลัดผักตามชอบ
น้ำจิ้มไก่
วิธีทำ
เนื้อไก่ส่วนน่อง หรือสะโพก 800 กรัม
เกลือ 2 ช้อนชา
ผงพริกป่นแบบเผ็ด 2 ช้อนชา
ผงกระเทียม 2 ช้อนชา
ผงพริกไทยดำ 1 ช้อนชา
ผงพริกหวาน 1 ช้อนชา
ผงเครื่องเทศสำหรับหมักเนื้อ 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
น้ำมันสำหรับหมักอาหารย่างรส Chilli 2 ช้อนโต๊ะ
วูสเตอร์ซอส 2 ช้อนโต๊ะ
สลัดผักตามชอบ
น้ำจิ้มไก่
วิธีทำ
เปิดเตาอบแบบย่าง ใช้ไฟ 200 องศาเซลเซียส หรือ 390 องศาฟาเรนไฮต์ ใช้เวลาในการย่างด้านละ 25 นาที ล้างไก่ให้สะอาด ซับให้แห้ง เตรียมส่วนผสมทั้งหมด
เทส่วนผสมทั้งหมดลงในชามไก่ คลุกให้ทั่ว หมักไว้ 30 นาที
เตรียมถาด กับตะแกรงสำหรับย่าง นำไก่ที่หมักแล้วเรียงบนตะแกรง นำเข้าเตาอบ ย่างข้างละ 25 นาที เอาออกมากลับด้านย่างต่ออีก 25 นาที
น้ำที่หมักไก่ไม่ทิ้ง เอาราดไก่ในช่วงที่นำออกมากลับด้านย่าง
วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2558
โครเก็ตแฮม
โครเก็ตแฮม
เครื่องปรุง
มันฝรั่ง ๒ ลูก
แฮม หมู หรือไก่ ก็ได้ตามชอบ
แป้งสาลี ๑ ช้อนโต๊ะ
ซุปไก่ก้อน ๑/๒ ก้อน
นม ๑ ถ้วย
เนย ๑ ช้อนโต๊ะ
ไข่ไก่
เกล็ดขนมปัง
วิธีทำ
ล้างมัน ปอกเปลือก แล้ว ผ่า ๔ ชิ้นต่อมัน ๑ ลูก ต้มในน้ำเดือด ประมาณ ๑๕ นาที มันสุกแล้ว
รินน้ำออกแล้วเอาที่บดมัน มาบดมันให้ละเอียด
ใช้แฮม แต่ถ้าชอบไก่ หรือหมู ก็เปลี่ยนไส้ได้ โดยการเอาเนื้อไก่ หรือเนื้อหมูไปต้มแล้วนำมาหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า
นำกระทะตั้งไฟแล้วใส่เนยสำหรับผัดไปในกระทะประมาณ ๑ ช้อนโต๊ะ
เนยละลาย และกระทะร้อนดีแล้วตักแป้งสาลีใส่ไปในกระทะประมาณ ๑ ช้อนโต๊ะ
แล้วผัดให้เข้ากันผัดจนแป้งออกสีเหลืองเสมอกัน
แล้วใส่นมลงไปในกระทะ ๑ ถ้วยผัดให้เข้ากัน
ใส่ซุปก้อนรสหมูใส่ไป ๑/๒ ก้อน คนให้ซุปก้อนละลายแล้วใส่แฮมที่เราหั่นเตรียมไว้แล้วลงไปเลย
ผัดให้เข้ากันประมาณ ๒ นาทีแล้วพักไว้ให้เย็น
ตั้งกะทะใส่น้ำมันให้ท่วมตัวโครเก็ต
นวดมันบดเรานิดหน่อยให้เป็นเนื้อเดียวกัน
แล้วก็เอามันบดมาแผ่ เป็นแผ่น ตักไส้ใส่ตรงกลางแล้วพยายามห่อให้เป็นก้อน
ทีนี้ก็มาเตรียมเครื่องปรุงที่เราจะต้องชุปก่อนทอดก็มี แป้งสาลี ไข่ไก่ และเกล็ดขนมปัง
น้ำมันร้อนแล้ว ก็เอาก้อนโครเก็ตแฮมไปชุปแป้งสาลี
แล้วก็มาชุปไข่ไก่
แล้วก็มาชุปเกล็ดขนมปังแล้วก็เอาลงทอด
กุ้งนึ่งนมสด
กุ้งนึ่งนมสด
ส่วนผสม
กุ้งนางตัวขนาดกลาง 5 ตัว (ประมาณ 5๐๐ กรัม)
ไข่ไก่ 1 ฟอง
นมสด 1/ 4 ถ้วย
น้ำซุป 1/ 2 ถ้วย
เกลือป่น 1/ 2 ช้อนชา
รากผักชี 7 ราก
พริกไทยเม็ดบุบ 1/ 2 ช้อนชา
ชวงเจี่ย (พริกหอม) คั่ว 1 กับอีก 1/ 2 ช้อนชา
วิธีทำ
ล้างกุ้งให้สะอาดแล้วผ่าเอาส่วนตรงปลายหัวกุ้งออก ใช้ปลายมีดเขี่ยเอาสิ่งสกปรกที่เป็นถุงสีดำออกให้หมด
ผ่ากุ้งครึ่งตัวตามยาวของตัวกุ้ง (ทั้งเปลือก) แล้วใส่ชามเคลือบทรงกลมแบน หรือชามแก้วทนไฟ
ล้างรากผักชี พริกไทยเม็ดบุบพอแตก ชวงเจี่ยคั่วบุบพอแตก โรยให้ทั่วกุ้ง
กุ้งนางตัวขนาดกลาง 5 ตัว (ประมาณ 5๐๐ กรัม)
ไข่ไก่ 1 ฟอง
นมสด 1/ 4 ถ้วย
น้ำซุป 1/ 2 ถ้วย
เกลือป่น 1/ 2 ช้อนชา
รากผักชี 7 ราก
พริกไทยเม็ดบุบ 1/ 2 ช้อนชา
ชวงเจี่ย (พริกหอม) คั่ว 1 กับอีก 1/ 2 ช้อนชา
วิธีทำ
ล้างกุ้งให้สะอาดแล้วผ่าเอาส่วนตรงปลายหัวกุ้งออก ใช้ปลายมีดเขี่ยเอาสิ่งสกปรกที่เป็นถุงสีดำออกให้หมด
ผ่ากุ้งครึ่งตัวตามยาวของตัวกุ้ง (ทั้งเปลือก) แล้วใส่ชามเคลือบทรงกลมแบน หรือชามแก้วทนไฟ
ล้างรากผักชี พริกไทยเม็ดบุบพอแตก ชวงเจี่ยคั่วบุบพอแตก โรยให้ทั่วกุ้ง
ต่อยไข่ใส่ชามอีกใบใส่น้ำซุปแล้วตีให้เข้ากัน เติมเกลือป่นและนมสด คนให้เข้ากัน พอเกลือละลายแล้วเทลงบนกุ้ง
ยกขึ้นนึ่งในลังถึงที่ตั้งไฟและน้ำเดือดพล่าน แล้วนึ่งประมาณ 12–15 นาที จนกุ้งสุก ยกลง
เสริฟร้อนๆ พร้อมซอสพริก หรือน้ำปลาและน้ำมะนาว พริกขี้หนู
ยกขึ้นนึ่งในลังถึงที่ตั้งไฟและน้ำเดือดพล่าน แล้วนึ่งประมาณ 12–15 นาที จนกุ้งสุก ยกลง
เสริฟร้อนๆ พร้อมซอสพริก หรือน้ำปลาและน้ำมะนาว พริกขี้หนู
ทาร์ตห่อหมกปลาแซลมอน
ทาร์ตห่อหมกปลาแซลมอน
เครื่องปรุง
กะทิ ๑ กระป๋อง
พริกแกงเผ็ด ๒ ช้อนโต๊ะ
ไข่ไก่ ๑ ฟอง
เนื้อปลาแซลมอนประมาณ ๑ กิโล
พริกแกงเผ็ด ๒ ช้อนโต๊ะ
ไข่ไก่ ๑ ฟอง
เนื้อปลาแซลมอนประมาณ ๑ กิโล
ใบมะกรูดหั่นฝอย
ใบโหระพาหั่นหยาบ
แป้งทาร์ต
วิธีทำ
เททั้งหมดเข้าด้วยกัน แล้วก็คน ใครชอบหวานก็เติมสักนิด แต่ความเค็ม ขอบอกว่าอย่าเพิ่งเติม พริกแกงมันเค็มอยู่แล้ว ถ้าเป็นพริกแกงตำเองจะเติมลงไปสักหน่อยก็ได้ ชิมรสตามชอบ
ตักใส่แป้งทาร์ตแต่งหน้าด้วยพริกสี แล้วเอาเข้าเตาอบด้วยไฟแรง ๓๕๐ องศาฟาเรนไฮต์ เป็นเวลา ๓๐ นาที
ช็อคโกแลตทาร์ต
ช็อคโกแลตทาร์ต
ครัสต์
ครัสต์
ส่วนผสม
- เนยจืด 5 ชต. (75 กรัม)
- น้ำตาลไอซิ่ง 2/3 ถ้วย (90 กรัม)
- เนยจืด 5 ชต. (75 กรัม)
- น้ำตาลไอซิ่ง 2/3 ถ้วย (90 กรัม)
- ไข่แดง 2 ฟอง
- แป้งอเนกประสงค์ 1 ถ้วย + 3 ชต. (155 กรัม)
วิธืทำ
- แป้งอเนกประสงค์ 1 ถ้วย + 3 ชต. (155 กรัม)
วิธืทำ
1. ผสมน้ำตาลไอซิ่งกับแป้งอเนกประสงค์ตยให้เข้ากัน แล้วใส่ไข่แดงผสมให้เข้ากัน ตามด้วยเนยสด ที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใช้เบนเดอร์สับให้เข้ากัน (ถ้ามีเครื่องผสมก็ใส่ทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้วปั่นเลย)
2. รวบแป้งที่ได้ให้เป็นก้อน คลุมด้วยพลาสติก แช่เย็นไว้ 1 ช.ม.
3. นำแป้งที่ได้มากรุลงพิมพ์ แล้วเอาซ่อมจิ้มให้ทั่ว เอาเข้าแช่เย็นอีก 1 ช.ม.
4. อุ่นเตาไว้ที่ 170 องศาเซลเซียส ปูกระดาษฟรอยบนพิมพ์ทับแป้งทาร์ต ใส่ข้าวสารแห้งหรือถั่วดิบ (ผมลืมทำ) แล้วนำเข้าอบประมาณ 15 นาที จนกระทั่งแป้งอยู่ตัว จะเป็นสีเหลืองอ่อนๆ นำฟรอยออก แล้วพักไว้ให้เย็น เพิ่งอุณหภูมิเป็น 200 องศาเซลเซียส แล้วไปทำฟิลลิ่ง
ฟิลลิ่ง
ฟิลลิ่ง
ส่วนผสม
- วิปปิ้งครีม 1 ¼ ถ้วย ( ผมใช้นมข้นจืดแทน )
- ช็อคโกแลตชนิด Bittersweet 330 กรัม
- ไข่ไก่ 2 ฟอง
วิธีทำ
1. อุ่นวิปปิ้งครีมด้วยไฟกลาง จนส่วนผสมเริ่มร้อน จึงใส่ช็อคโกแลตลงไปคนจนช็อคโกแลตละลาย (ถ้าใช้นมข้นจืด ให้ใส่เนยเพิ่ม 20 กรัม)
2. ค่อยๆเติมไข่ลงไปทีละน้อย พร้อมกับคนตลอดเวลา คนไปเรื่อยๆจนใข่หมด คนต่อไปอีกประมาณ 15 นาที ให้ส่วนผสมข้นขึ้นเล็กน้อย
3. เทส่วนผสมที่ได้ลงในฐานทาร์ต นำเข้าอบประมาณ 15 นาที หรือจนกระทั่งขอบทาร์ตเป็นสีเหลืองทอง ตัวไส้จะยังไม่ถึงกับแข็งตัว นำออกมาพักให้เย็นบนตะแกรง
3. เทส่วนผสมที่ได้ลงในฐานทาร์ต นำเข้าอบประมาณ 15 นาที หรือจนกระทั่งขอบทาร์ตเป็นสีเหลืองทอง ตัวไส้จะยังไม่ถึงกับแข็งตัว นำออกมาพักให้เย็นบนตะแกรง
4. พอเย็นสนิทแล้วคลุมด้วยพลาสติดแล้วนำเข้าตู้เย็นแช่ไว้ 24 ชั่วโมง
บาร์บีคิวผัก
บาร์บีคิวผัก
ซูกินีหั่นเป็นแว่นชิ้นหนา 2 ลูก
มะเขือเทศราชินี 5-6 ลูก
เห็ดแชมปิญอง 5 ดอก
พริกยักษ์แดง – เหลืองอย่างละ 1 ลูก
หอมหัวใหญ่ลูกเล็ก 3-4 ลูก
ซอสมะเขือเทศหรือซอสพริกสำหรับจิ้ม
ไม้เสียบ
ส่วนผสมน้ำจิ้ม
น้ำมันมะกอก 7 ช้อนโต๊ะ
ราสป์เบอร์รี่แช่แข็ง 4 ช้อนโต๊ะ
ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต๊ะ
พริกแดงสับ 1 เม็ด
กระเทียมสับ 2 กลีบ
ขิงสดขูด ½ ช้อนชา
วิธีทำ
พริกยักษ์แดง – เหลืองผ่าครึ่ง ฝานแกนในและเมล็ดออก หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมพอดีคำ
หอมหัวใหญ่ลูกเล็กผ่าครึ่ง
นำซูกินี พริกยักษ์แดง – เหลือง เห็ดแชมปิญอง หอมหัวใหญ่ มะเขือเทศราชินีเสียบลงบนไม่เสียบสลับกันไปจนหมด พักไว้
ผสมน้ำซอสต่างๆเข้าด้วยกัน เทใส่เครื่องปั่น ปั่นให้ส่วนผสมทั้งหมดเป็นเนื้อเดียวกัน
ราดน้ำซอสที่ได้ลงบนบาร์บีคิวผักให้ทั่วนำไปย่าง ระหว่างย่างทาน้ำซอสที่เหลือเป็นระยะ ย่างจนหมด
เห็ดหอมหน้ากุ้งนึ่งซอสเทอริยากิ
เห็ดหอมหน้ากุ้งนึ่งซอสเทอริยากิ
เห็ดหอมดอกโตมา 1 กก ตัดก้านเห็ดออก
ก้านเห็ดให้เก็บไว้อย่าทิ้ง เอาไปทำน้ำซอสเทอริยากิ
เนื้อกุ้ง สับหยาบๆ ผสมต้นหอม ปรุงรสด้วยซีอิ้ว พริกไทย กระเทียม หรือจะให้หมูสับปรุงรส หมูผสมปู แทนก็ได้
เอาแป้งขาวโพดผสมน้ำให้ข้นๆ ทาด้านในเห็ดก่อน เพื่อที่เวลานึ่งเนื้อกุ้งจะไม่หลุดออกมาจากเห็ด ป้ัื้นเนื้อกุ้งเป็นก้อนยัดใส่ในเห็ด
เห็ดหอมหน้ากุ้งนึ่ง 10 นาทีสุก
เอาแป้งขาวโพดผสมน้ำให้ข้นๆ ทาด้านในเห็ดก่อน เพื่อที่เวลานึ่งเนื้อกุ้งจะไม่หลุดออกมาจากเห็ด ป้ัื้นเนื้อกุ้งเป็นก้อนยัดใส่ในเห็ด
เห็ดหอมหน้ากุ้งนึ่ง 10 นาทีสุก
ระหว่างนี้ก็มาทำซอสเทอริยากิไว้ทานกับเห็ดนึ่ง
เครื่องปรุงมี
- หอมหัวใหญ่ 1 หัว หั่นละเอียด
- ก้านเห็ดสับให้ละเอียด
- โชยุ(ซีอิ้วญี่ปุ่น) 1/2 ถ้วย
- มิริน 1/2 ถ้วย
เอา หอมใหญ่และก้านเห็ดไปผัดกับน้ำมัน 2 ช้อนในหม้อ ผัดประมาณ 3 นาที เติมโชยุ และ มิรินลงไป เคี่ยวไปประมาณ 5 นาที ปรุงรสดูตามที่ชอบ ให้มีรสหวานของมิริน+รสเค็มนิดหน่อยจากโชยุ ซอสนี้จะไปชูรสความหวานของเห็ดและกุ้ง
เครื่องปรุงมี
- หอมหัวใหญ่ 1 หัว หั่นละเอียด
- ก้านเห็ดสับให้ละเอียด
- โชยุ(ซีอิ้วญี่ปุ่น) 1/2 ถ้วย
- มิริน 1/2 ถ้วย
เอา หอมใหญ่และก้านเห็ดไปผัดกับน้ำมัน 2 ช้อนในหม้อ ผัดประมาณ 3 นาที เติมโชยุ และ มิรินลงไป เคี่ยวไปประมาณ 5 นาที ปรุงรสดูตามที่ชอบ ให้มีรสหวานของมิริน+รสเค็มนิดหน่อยจากโชยุ ซอสนี้จะไปชูรสความหวานของเห็ดและกุ้ง
เทซอสเทอริยากิใส่ไปในจานจัดเห็ดหน้ากุ้งที่นึ่งสุก วางบนซอสเทอริยากิในจาน
ลักษณะและคุณสมบัติของแป้งชนิดต่างๆ
ลักษณะและคุณสมบัติของแป้งชนิดต่างๆ
"แป้งข้าวเจ้า" (Riceflour)
เป็น แป้งที่ทำจากเมล็ดข้าวเจ้า มีลักษณะเป็นผงมีสีขาวจับแล้วสากมือเล็กน้อย เมื่อทำให้สุกจะมีลักษณะขุ่นร่วน ถ้าทิ้งให้เย็นจะอยู่ตัวเป็นก้อน ร่วนไม่เหนียว จึงเหมาะที่จะประกอบอาหาร ที่ต้องการความอยู่ตัวร่วนไม่เหนียวหนืด เช่น ขนมขี้หนู ขนมกล้วย เส้นขนมจีน ฯลฯ สมัยก่อนนิยมโม่กันเอง โดยล้างข้าวสารก่อน แช่ข้าวโดยใส่น้ำให้ท่วมแช่จนข้าวนุ่ม จะโม่ง่ายในปัจจุบันนิยมบดด้วยเครื่องบดไฟฟ้าบดให้ละเอียดแล้วจึงห่อผ้าขาว บางทับน้ำทิ้งจะได้แป้งข้าวเจ้าเรียกแป้งสด
"แป้งข้าวเหนียว" (Glutinous Riceflour)
เป็นแป้งที่ทำมาจากเมล็ดข้าวเหนียว ที่มีลักษณะเป็นผงสีขาว จับแล้วสากมือเล็กน้อย เมื่อนำไปทำให้สุกจะมีลักษณะขุ่นข้น
เหนอะ หนะ พอแป้งถูกความร้อนจะจับตัวเป็นก้อนค่อนข้างเหนียว เหมาะในการนำมาประกอบอาหารที่ต้องการความเหนียวเกาะตัว เช่น ขนมเทียน ขนมถั่วแปบ ขนมต้ม ฯลฯ
"แป้งมันสำปะหลัง" (Cassave Starch)
ทำ มาจากหัวมันสำปะหลัง มีลักษณะเป็นผงสีขาว จับผิวสัมผัสของแป้งจะเนียน ลื่นมือ เมื่อทำให้สุกจะเหลวเหนียวหนืด เมื่อพักให้เย็นจะมีลักษณะเหนียวเหนอะหนะคงตัว นิยมนำมาผสมกับอาหารที่ต้องการความเหนียวหนืดและใส เช่น ทับทิมกรอบ เต้าส่วน ฯลฯ ในการทำขนมหวานนิยมนำแป้งมันสำปะหลังมาผสมกับแป้งชนิดอื่น ๆ เพื่อให้ขนมมีความเหนียวนุ่มกว่าการใช้แป้งชนิดเดียว เช่น ขนมชั้น ขนมฟักทอง ขนมกล้วย ฯลฯ
"แป้งข้าวโพด" (Corn Starch)
เป็นแป้ง ที่สกัดมาจากเมล็ดข้าวโพด มีลักษณะเป็นผงสีขาวเหลืองนวลจับแล้วผิวสัมผัสของแป้งเนียนลื่นมือเมื่อทำ ให้สุก จะมีลักษณะข้นและใสไม่คืนตัวง่าย เมื่อเป็นตัวแป้งจะอยู่ตัวจับเป็นก่อนแข็งร่วนเป็นมันวาว ในขนมหวานไทย นิยมนำมาผสมกับอาหารเพื่อต้องการความข้นอยู่ตัว เมื่อสัมผัสดูเนื้อแป้งเนียนละเอียดลื่น
"แป้งถั่วเขียว" (Mung bean Starch)
เป็น แป้งที่สกัดมาจากถั่วเขียว เมล็ดแห้งมีลักษณะเป็นเม็ดเล็ก ๆ จับผิวสัมผัสแล้วจะสากมือ ก่อนใช้ควรนำมาบดให้เป็นผงก่อน เมื่อทำให้สุกจะมีลักษณะข้นค่อนข้างใสเมื่อพักให้เย็นจะจับตัวเป็นก้อนแข็ง อยู่ตัวค่อนข้างเหนียว เหมาะในการทำอาหารที่ต้องการความใสอยู่ตัว เช่น ซาหริ่ม ขนมลืมกลืน ฯลฯ
"แป้งท้าวยายม่อม" (Arrowroot Starca)
สกัด มาจากหัวมันท้าวยายม่อม มีลักษณะเป็นเม็ดเล็ก ๆ สีขาวเป็นเงา เวลาใช้ต้องบดให้ละเอียดเป็นผงเมื่อนำไปประกอบอาหาร จะให้ความข้นเหนียวหนืดและใส เมื่อทำให้เย็นจะเหนียวตัวกว่าแป้งมันสำปะหลัง นิยมนำมาใช้ร่วมกับแป้งชนิดอื่น ๆ เพื่อให้ได้อาหารที่มีความข้นเหนียว เป็นมันวาว เช่น ขนมชั้น ขนมน้ำดอกไม้ ฯลฯ
"แป้งสาลี" (Wheat Flour)
ทำจากเมล็ดข้าวสาลี ลักษณะเป็นผงมีสีขาวเมื่อทำให้สุกจะมีลักษณะร่วนเหลว ไม่อยู่ตัวคุณภาพของแป้งสาลีขึ้นอยู่กับปริมาณโปรตีนในเมล็ด
ข้าวสาลี ซึ่งทำให้ได้ลักษณะของขนมต่างกัน แป้งสาลียังแบ่งออกเป็นชนิดต่าง ๆ ตามคุณสมบัติของแป้งคือ
"แป้งสาลีสำหรับทำขนมปัง" (Bread Flour)
ทำ จากข้าวสาลีชนิดหนัก มีปริมาณโปรตีน 12-13เปอร์เซนต์ แป้งมีสีขาวนวล เมื่อสัมผัสผิวแป้งจะหยาบกว่าแป้งสาลีชนิดอื่น ปริมาณโปรตีนสูง ทำให้แป้งขนมปังสามารถดูดน้ำได้มาก มีความยืดหยุ่น เหนียว เหมาะสำหรับการทำขนมปัง ปาท่องโก๋ (แต่แป้งชนิดนี้ไม่นิยมนำมาขนมหวานไทย ส่วนใหญ่ใช้ทำขนมอบ)
"แป้งสาลีอเนกประสงค์" (All purpose Flour)
ทำจากข้าวสาลีชนิดหมัก และชนิดเบาผสมรวมกัน มีโปรตีน 9-10 เปอร์เซนต์ แป้งมีสีขาวนวล ลักษณะหยาบแต่น้อยกว่า แป้งขนมปัง ให้ความเหนียวพอควร แต่คุณภาพจะสู้แป้งขนมปังไม่ได้ ใช้ทำผลิตภัณฑ์ได้หลายชนิด เช่น คุกกี้ พาย กรอบเค็ม กะหรี่พัฟ
"แป้งสาลีสำหรับทำเค้ก" (Cake Flour)
ทำจาก ข้าวสาลีชนิดเบา มีปริมาณโปรตีน 6-9 เปอร์เซนต์สีขาวเนื้อแป้งละเอียด เมื่อนำมาผสมน้ำจะดูดซึมน้ำได้น้อยได้ก้อนแป้งที่เหนียวติด คือ เหมาะสำหรับทำขนมสาลี ขนมฝรั่ง ขนมเค้ก ฯลฯ
"แป้งข้าวเจ้า" (Riceflour)
เป็น แป้งที่ทำจากเมล็ดข้าวเจ้า มีลักษณะเป็นผงมีสีขาวจับแล้วสากมือเล็กน้อย เมื่อทำให้สุกจะมีลักษณะขุ่นร่วน ถ้าทิ้งให้เย็นจะอยู่ตัวเป็นก้อน ร่วนไม่เหนียว จึงเหมาะที่จะประกอบอาหาร ที่ต้องการความอยู่ตัวร่วนไม่เหนียวหนืด เช่น ขนมขี้หนู ขนมกล้วย เส้นขนมจีน ฯลฯ สมัยก่อนนิยมโม่กันเอง โดยล้างข้าวสารก่อน แช่ข้าวโดยใส่น้ำให้ท่วมแช่จนข้าวนุ่ม จะโม่ง่ายในปัจจุบันนิยมบดด้วยเครื่องบดไฟฟ้าบดให้ละเอียดแล้วจึงห่อผ้าขาว บางทับน้ำทิ้งจะได้แป้งข้าวเจ้าเรียกแป้งสด
"แป้งข้าวเหนียว" (Glutinous Riceflour)
เป็นแป้งที่ทำมาจากเมล็ดข้าวเหนียว ที่มีลักษณะเป็นผงสีขาว จับแล้วสากมือเล็กน้อย เมื่อนำไปทำให้สุกจะมีลักษณะขุ่นข้น
เหนอะ หนะ พอแป้งถูกความร้อนจะจับตัวเป็นก้อนค่อนข้างเหนียว เหมาะในการนำมาประกอบอาหารที่ต้องการความเหนียวเกาะตัว เช่น ขนมเทียน ขนมถั่วแปบ ขนมต้ม ฯลฯ
"แป้งมันสำปะหลัง" (Cassave Starch)
ทำ มาจากหัวมันสำปะหลัง มีลักษณะเป็นผงสีขาว จับผิวสัมผัสของแป้งจะเนียน ลื่นมือ เมื่อทำให้สุกจะเหลวเหนียวหนืด เมื่อพักให้เย็นจะมีลักษณะเหนียวเหนอะหนะคงตัว นิยมนำมาผสมกับอาหารที่ต้องการความเหนียวหนืดและใส เช่น ทับทิมกรอบ เต้าส่วน ฯลฯ ในการทำขนมหวานนิยมนำแป้งมันสำปะหลังมาผสมกับแป้งชนิดอื่น ๆ เพื่อให้ขนมมีความเหนียวนุ่มกว่าการใช้แป้งชนิดเดียว เช่น ขนมชั้น ขนมฟักทอง ขนมกล้วย ฯลฯ
"แป้งข้าวโพด" (Corn Starch)
เป็นแป้ง ที่สกัดมาจากเมล็ดข้าวโพด มีลักษณะเป็นผงสีขาวเหลืองนวลจับแล้วผิวสัมผัสของแป้งเนียนลื่นมือเมื่อทำ ให้สุก จะมีลักษณะข้นและใสไม่คืนตัวง่าย เมื่อเป็นตัวแป้งจะอยู่ตัวจับเป็นก่อนแข็งร่วนเป็นมันวาว ในขนมหวานไทย นิยมนำมาผสมกับอาหารเพื่อต้องการความข้นอยู่ตัว เมื่อสัมผัสดูเนื้อแป้งเนียนละเอียดลื่น
"แป้งถั่วเขียว" (Mung bean Starch)
เป็น แป้งที่สกัดมาจากถั่วเขียว เมล็ดแห้งมีลักษณะเป็นเม็ดเล็ก ๆ จับผิวสัมผัสแล้วจะสากมือ ก่อนใช้ควรนำมาบดให้เป็นผงก่อน เมื่อทำให้สุกจะมีลักษณะข้นค่อนข้างใสเมื่อพักให้เย็นจะจับตัวเป็นก้อนแข็ง อยู่ตัวค่อนข้างเหนียว เหมาะในการทำอาหารที่ต้องการความใสอยู่ตัว เช่น ซาหริ่ม ขนมลืมกลืน ฯลฯ
"แป้งท้าวยายม่อม" (Arrowroot Starca)
สกัด มาจากหัวมันท้าวยายม่อม มีลักษณะเป็นเม็ดเล็ก ๆ สีขาวเป็นเงา เวลาใช้ต้องบดให้ละเอียดเป็นผงเมื่อนำไปประกอบอาหาร จะให้ความข้นเหนียวหนืดและใส เมื่อทำให้เย็นจะเหนียวตัวกว่าแป้งมันสำปะหลัง นิยมนำมาใช้ร่วมกับแป้งชนิดอื่น ๆ เพื่อให้ได้อาหารที่มีความข้นเหนียว เป็นมันวาว เช่น ขนมชั้น ขนมน้ำดอกไม้ ฯลฯ
"แป้งสาลี" (Wheat Flour)
ทำจากเมล็ดข้าวสาลี ลักษณะเป็นผงมีสีขาวเมื่อทำให้สุกจะมีลักษณะร่วนเหลว ไม่อยู่ตัวคุณภาพของแป้งสาลีขึ้นอยู่กับปริมาณโปรตีนในเมล็ด
ข้าวสาลี ซึ่งทำให้ได้ลักษณะของขนมต่างกัน แป้งสาลียังแบ่งออกเป็นชนิดต่าง ๆ ตามคุณสมบัติของแป้งคือ
"แป้งสาลีสำหรับทำขนมปัง" (Bread Flour)
ทำ จากข้าวสาลีชนิดหนัก มีปริมาณโปรตีน 12-13เปอร์เซนต์ แป้งมีสีขาวนวล เมื่อสัมผัสผิวแป้งจะหยาบกว่าแป้งสาลีชนิดอื่น ปริมาณโปรตีนสูง ทำให้แป้งขนมปังสามารถดูดน้ำได้มาก มีความยืดหยุ่น เหนียว เหมาะสำหรับการทำขนมปัง ปาท่องโก๋ (แต่แป้งชนิดนี้ไม่นิยมนำมาขนมหวานไทย ส่วนใหญ่ใช้ทำขนมอบ)
"แป้งสาลีอเนกประสงค์" (All purpose Flour)
ทำจากข้าวสาลีชนิดหมัก และชนิดเบาผสมรวมกัน มีโปรตีน 9-10 เปอร์เซนต์ แป้งมีสีขาวนวล ลักษณะหยาบแต่น้อยกว่า แป้งขนมปัง ให้ความเหนียวพอควร แต่คุณภาพจะสู้แป้งขนมปังไม่ได้ ใช้ทำผลิตภัณฑ์ได้หลายชนิด เช่น คุกกี้ พาย กรอบเค็ม กะหรี่พัฟ
"แป้งสาลีสำหรับทำเค้ก" (Cake Flour)
ทำจาก ข้าวสาลีชนิดเบา มีปริมาณโปรตีน 6-9 เปอร์เซนต์สีขาวเนื้อแป้งละเอียด เมื่อนำมาผสมน้ำจะดูดซึมน้ำได้น้อยได้ก้อนแป้งที่เหนียวติด คือ เหมาะสำหรับทำขนมสาลี ขนมฝรั่ง ขนมเค้ก ฯลฯ
วุ้นน้ำกระเจี๊ยบ
วุ้นน้ำกระเจี๊ยบ
ส่วนผสมสำหรับทำน้ำกระเจี๊ยบ
• กระเจี๊ยบแห้ง 25 กรัม (หรือจะใช้กระเจี๊ยบสดก็ได้)
• น้ำ 500 กรัม
วิธีทำ
• นำกระเจี๊ยบแห้งและน้ำใส่ลงในหม้อ นำไปต้มจนออกรสออกสี ปิดไฟ
• กรองเอากากออก ตั้งทิ้งไว้ให้เย็น
• ชั่งน้ำหนักอีกที ถ้าไม่ถึง 500 กรัม ให้เติมน้ำสะอาดลงไปให้ครบ 500 กรัม เสร็จแล้วพักไว้ก่อน
• กระเจี๊ยบแห้ง 25 กรัม (หรือจะใช้กระเจี๊ยบสดก็ได้)
• น้ำ 500 กรัม
วิธีทำ
• นำกระเจี๊ยบแห้งและน้ำใส่ลงในหม้อ นำไปต้มจนออกรสออกสี ปิดไฟ
• กรองเอากากออก ตั้งทิ้งไว้ให้เย็น
• ชั่งน้ำหนักอีกที ถ้าไม่ถึง 500 กรัม ให้เติมน้ำสะอาดลงไปให้ครบ 500 กรัม เสร็จแล้วพักไว้ก่อน
ส่วนผสมวุ้นกระเจี๊ยบ
• ผงวุ้น 10 กรัม
• น้ำ 500 กรัม
• น้ำตาลทราย 300 กรัม
• น้ำกระเจี๊ยบ 500 กรัม
• ผงวุ้น 10 กรัม
• น้ำ 500 กรัม
• น้ำตาลทราย 300 กรัม
• น้ำกระเจี๊ยบ 500 กรัม
วิธีทำ
• นำผงวุ้นและน้ำใส่ลงในหม้อคนให้วุ้นละลาย
• ใส่น้ำตาลทรายลงไปคนให้ละลาย แล้วตั้งทิ้งไว้ 10-15 นาที เพื่อให้วุ้นอิ่มตัว
• เมื่อครบเวลา ให้คนๆให้วุ้นละลาย แล้วนำไปตั้งไฟจนเดือดสักครู่ ปิดไฟยกลงทิ้งไว้พอให้วุ้นอุ่นๆ
• นำน้ำกระเจี๊ยบที่เตรียมไว้เทลงในวุ้นที่อุ่นๆ แล้วคนให้เข้ากัน
• เทใส่พิมพ์ ทิ้งไว้ให้วุ้นเซทตัวดี
• นำผงวุ้นและน้ำใส่ลงในหม้อคนให้วุ้นละลาย
• ใส่น้ำตาลทรายลงไปคนให้ละลาย แล้วตั้งทิ้งไว้ 10-15 นาที เพื่อให้วุ้นอิ่มตัว
• เมื่อครบเวลา ให้คนๆให้วุ้นละลาย แล้วนำไปตั้งไฟจนเดือดสักครู่ ปิดไฟยกลงทิ้งไว้พอให้วุ้นอุ่นๆ
• นำน้ำกระเจี๊ยบที่เตรียมไว้เทลงในวุ้นที่อุ่นๆ แล้วคนให้เข้ากัน
• เทใส่พิมพ์ ทิ้งไว้ให้วุ้นเซทตัวดี
ช็อคบอล
ช็อคบอล
เนื้อเค้ก เศษเค้ก ที่เหลือ ๆ
ช็อคโกแลตตามใจชอบ
เม็ดสี ไอซิ่ง เม็ดมะม่วง อัลมอนด์ สำหรับตกแต่ง
เนื้อเค้ก เศษเค้ก ที่เหลือ ๆ
ช็อคโกแลตตามใจชอบ
เม็ดสี ไอซิ่ง เม็ดมะม่วง อัลมอนด์ สำหรับตกแต่ง
วิธีทำ
เริ่มด้วยเอาเนื้อเค้กมาบด ๆ ให้ป่น ๆ
นำช็อคโกแลตมาละลาย หรือเอาเข้าเวฟไป 10 วินาที ไม่ต้องให้ละลายดีแล้วเอาออกมาคนๆๆ มันก็จะละลายเอง แล้วใส่ลงในชามเนื้อเค้ก
ผสมช็อกโกแลตกับเนื้อเค้กให้เข้ากัน จะได้เป็นก้อน ๆ
นำส่วนผสมมาปั้นเป็นลูกกลม ขนาดตามที่เราต้องการ แล้วนำไปแช่เย็นให้เซ็ตตัว ถ้ารีบทำก็เข้าฟิตเลย
ได้ที่แล้วเราก็เอาช็อกโกแลตมาละลายนำไม้จิ้มฟันมาเสียบ ลูกบอลน้อย ๆ ของเรา หาโฟมาปัก แล้วทิ้งให้ช็อกโกแลตแห้งดี
แต่งตัว ทาหน้า ให้งดงามตามใจชอบ นำเข้าตู้เย็นอีกรอบให้ช็อกโกแลต แข็งตัว ก่อนรับประทาน
แต่งตัว ทาหน้า ให้งดงามตามใจชอบ นำเข้าตู้เย็นอีกรอบให้ช็อกโกแลต แข็งตัว ก่อนรับประทาน
คุ๊กกี้เม็ดมะม่วงหิมพานต์หน้าแยม
คุ๊กกี้เม็ดมะม่วงหิมพานต์หน้าแยม
เนยสด(จืด) 226 กรัม
น้ำตาลทราย 100 กรัม
ไข่ไก่ 2 ฟอง + 1 ฟอง
ผงฟู 1 ช้อนชา
วานิลา 1 ช้อนชา
แป้งอเนกประสงค์ (ตราว่าว) 180 กรัม
1/8 teaspoon เกลือ 1/4 ช้อนชา
เม็ดมะม่วงหิมพานต์แบบหักเล็ก 250 กรัม
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ แยมรสตต่าง ๆ
น้ำตาลทราย 100 กรัม
ไข่ไก่ 2 ฟอง + 1 ฟอง
ผงฟู 1 ช้อนชา
วานิลา 1 ช้อนชา
แป้งอเนกประสงค์ (ตราว่าว) 180 กรัม
1/8 teaspoon เกลือ 1/4 ช้อนชา
เม็ดมะม่วงหิมพานต์แบบหักเล็ก 250 กรัม
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ แยมรสตต่าง ๆ
1. เปิดเตาไว้ที่ 177 องศาเซลเซียส เตรียมถาดทาเนยขาวแล้วปูด้วยกระดาษไขแล้วทาเนยขาวอีกครั้ง
2. ตีเนยกับน้ำตาลทราย จนขึ้นฟูเป็นสีเหลืองอ่อนแล้วใส่ไข่ไก่ 2 ฟอง ผสมให้เข้ากัน
3. จากนั้นใส่แป้ง เกลือ ผงฟู (ร่อนรวมกัน) ผสมให้เข้ากัน แล้วนำไปปิดด้วยแร็ฟ แช่เย็นช่องฟรีช ประมาณ
30 นาที หรือแช่ข้ามคืน ให้โดเซ็ตตัว แล้วปั้นเป็นกลมๆ ประมาณ 15 - 20 กรัม พักไว้
4. เตรียมถั่วโดยสับหยาบ ๆ แล้วผสมกับน้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ พักไว้
5. จากนั้นมาเตรียมตอกไข่ใส่ถ้วย ตีไข่ทั้งไข่แดงและไข่ขาวให้พอเป็นฟอง แล้วนำโดที่เตรียมไว้(ข้อ.3) มาชุบไข่พอติด แล้วจึงนำไปคลุกกับถั่ว
ที่เตรียมไว้ ถั่วจะติดโดคุกกี้ขึ้นมา
6. นำเข้าอบประมาณ 10 นาที พอเหลือง แล้วเอาออกมา กดรู ตรงกลาง ด้วยช้อนตวง เพื่อใส่แยมสีต่าง ๆ ตามชอบ แล้วนำเข้าไปอบต่ออีก 10 นาที หรือจนกว่าคุกกี้จะสุกเป็นสีเหลืองทอง
2. ตีเนยกับน้ำตาลทราย จนขึ้นฟูเป็นสีเหลืองอ่อนแล้วใส่ไข่ไก่ 2 ฟอง ผสมให้เข้ากัน
3. จากนั้นใส่แป้ง เกลือ ผงฟู (ร่อนรวมกัน) ผสมให้เข้ากัน แล้วนำไปปิดด้วยแร็ฟ แช่เย็นช่องฟรีช ประมาณ
30 นาที หรือแช่ข้ามคืน ให้โดเซ็ตตัว แล้วปั้นเป็นกลมๆ ประมาณ 15 - 20 กรัม พักไว้
4. เตรียมถั่วโดยสับหยาบ ๆ แล้วผสมกับน้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ พักไว้
5. จากนั้นมาเตรียมตอกไข่ใส่ถ้วย ตีไข่ทั้งไข่แดงและไข่ขาวให้พอเป็นฟอง แล้วนำโดที่เตรียมไว้(ข้อ.3) มาชุบไข่พอติด แล้วจึงนำไปคลุกกับถั่ว
ที่เตรียมไว้ ถั่วจะติดโดคุกกี้ขึ้นมา
6. นำเข้าอบประมาณ 10 นาที พอเหลือง แล้วเอาออกมา กดรู ตรงกลาง ด้วยช้อนตวง เพื่อใส่แยมสีต่าง ๆ ตามชอบ แล้วนำเข้าไปอบต่ออีก 10 นาที หรือจนกว่าคุกกี้จะสุกเป็นสีเหลืองทอง
ยากิโซบะหมู
ยากิโซบะหมู
ส่วนผสม
• เส้นยากิโซบะ (ก้อนละ 130 กรัม) 1 ก้อน
• น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
• กระเทียมสับ 1 ช้อนชา
• เนื้อหมูส่วนสันคอสไลด์บาง 50 กรัม
• แครอทหั่นชิ้นพอคำ 40 กรัม
• กะหล่ำปลีหั่นชิ้น 80 กรัม
• น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ
• ซอสยากิโซบะ
• พริกไทยดำบดใหม่สำหรับปรุงรส
• พริกญี่ปุ่นและสาหร่ายหั่นท่อนสั้นสำหรับโรย
• ขิงดองสำหรับจัดเสิร์ฟ
ซอสยากิโซบะ
• น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
• มิริน 2 ช้อนชา
• ซีอิ๊วญี่ปุ่น 2 ช้อนชา
• น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
ขั้นตอน
1. เตรียมซอสยากิโซบะโดยใส่เครื่องปรุงทั้งหมดลงในถ้วย คนส่วนผสมให้เข้ากัน
2. ตั้งกระทะน้ำมันบนไฟกลางพอร้อน ใส่กระเทียมผัดให้หอม ใส่เนื้อหมู ผัดพอสุก ใส่แครอท กะหล่ำปลี ผัดพอทั่วและผักสุก ใส่เส้นยากิโซบะ เติมน้ำ ผัดให้เข้ากัน ใส่ซอสยากิโซบะ ผัดพอทั่ว ใส่ต้นหอม ผัดให้เข้ากัน ปิดไฟ ปรุงรสด้วยพริกไทยดำ
3. ตักใส่จาน โรยพริกญี่ปุ่นและสาหร่ายหั่นท่อน
ชิฟฟ่อนมะพร้าวอ่อน
ชิฟฟ่อนมะพร้าวอ่อน
แป้งเค้ก 70 กรัม (ตราพัดโบก)
ผงฟู 1/2 ชช.
ผงฟู 1/2 ชช.
นำมาร่อนรวมกันในชามผสม
ไข่แดง 3 ฟอง
น้ำตาลทราย 25 กรัม
เกลือ 1/2 ชช
น้ำมะพร้าวอ่อน 60 กรัม
น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันพืช 50 กรัม
ใช้ตะกร้อมือตีไข่ น้ำตาล จนละลาย ใส่น้ำมัน คนต่อให้เข้ากันใส่น้ำมะพร้าว คน ๆ
ใส่ลงในชามแป้ง คนต่อวนไปทางเดียวกันเร็ว ๆ ให้เนียน ๆ พักไว้
น้ำตาลทราย 25 กรัม
เกลือ 1/2 ชช
น้ำมะพร้าวอ่อน 60 กรัม
น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันพืช 50 กรัม
ใช้ตะกร้อมือตีไข่ น้ำตาล จนละลาย ใส่น้ำมัน คนต่อให้เข้ากันใส่น้ำมะพร้าว คน ๆ
ใส่ลงในชามแป้ง คนต่อวนไปทางเดียวกันเร็ว ๆ ให้เนียน ๆ พักไว้
ไข่ขาว 3 ฟอง
น้ำตาลทราย 50 กรัม
ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/4 ชช. (ไม่ใส่ก็ได้)
เอาไข่ขาวใส่ผสม ใช้ตะกร้อมตีพอให้มีฟองอากาศ แล้วปั่นด้วยความเร็วสูงจนเป็นฟองละเอียด
ค่อย ๆ ใส่น้ำตาลทรายริมโถ จนหมด ตีต่อจนไข่ขาวตั้งยอด
นำไข่ขาวมาแบ่งเป็น 3 ส่วน นำมาใส่ในชามไข่แดงทีละส่วน
ใช้พายยางตะล่อมไข่ขาวกับไข่แดง ให้เข้ากันเนียน ๆ ทั้ง 3 ส่วน
ตักใส่ถ้วยพิมพ์จีบ เกือบเต็มถ้วย ค่อย ๆ วางเนื้อมะพร้าว อย่าวางแรงเดี๋ยวจม
อบประมาณ 25 นาที ไฟบนล่างพัดลม
น้ำตาลทราย 50 กรัม
ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/4 ชช. (ไม่ใส่ก็ได้)
เอาไข่ขาวใส่ผสม ใช้ตะกร้อมตีพอให้มีฟองอากาศ แล้วปั่นด้วยความเร็วสูงจนเป็นฟองละเอียด
ค่อย ๆ ใส่น้ำตาลทรายริมโถ จนหมด ตีต่อจนไข่ขาวตั้งยอด
นำไข่ขาวมาแบ่งเป็น 3 ส่วน นำมาใส่ในชามไข่แดงทีละส่วน
ใช้พายยางตะล่อมไข่ขาวกับไข่แดง ให้เข้ากันเนียน ๆ ทั้ง 3 ส่วน
ตักใส่ถ้วยพิมพ์จีบ เกือบเต็มถ้วย ค่อย ๆ วางเนื้อมะพร้าว อย่าวางแรงเดี๋ยวจม
อบประมาณ 25 นาที ไฟบนล่างพัดลม
ขนมถ้วยฟูฟักทอง
ขนมถ้วยฟูฟักทอง
แป้งบัวแดง 1 กิโลกรัม
ผงฟู 15 กรัม
ยีสต์ 15 กรัม
น้ำตาลทราย 700 กรัม
ฟักทองนึ่งแล้วบด 700 กรัม
หัวกะทิ 1 กิโลกรัม
ผงฟู 15 กรัม
ยีสต์ 15 กรัม
น้ำตาลทราย 700 กรัม
ฟักทองนึ่งแล้วบด 700 กรัม
หัวกะทิ 1 กิโลกรัม
วิธีทำ
1. ร่อนแป้งกับผงฟูใส่หม้อใบใหญ่
2. ใส่ยีสต์ น้ำตาลทราย ฟักทองนึ่ง คนให้เข้ากัน ใส่กะทิ คนให้เข้ากันอีกครั้ง
3. ปิดฝาหม้อหรือแรปก็ได้คะ พักไว้ 1 ชั่วโมงหรือขึ้นเป็น 2 เท่า
4. นึ่งไฟแรง ๆ ประมาณ 10 - 15 นาทีแล้วแต่ขนาดพิมพ์
2. ใส่ยีสต์ น้ำตาลทราย ฟักทองนึ่ง คนให้เข้ากัน ใส่กะทิ คนให้เข้ากันอีกครั้ง
3. ปิดฝาหม้อหรือแรปก็ได้คะ พักไว้ 1 ชั่วโมงหรือขึ้นเป็น 2 เท่า
4. นึ่งไฟแรง ๆ ประมาณ 10 - 15 นาทีแล้วแต่ขนาดพิมพ์
ขนมถ้วยฟูมันเทศ
ขนมถ้วยฟูมันเทศ
แป้งบัวแดง 1 กิโลกรัม
ผงฟู 15 กรัม
ยีสต์ 15 กรัม
น้ำตาลทราย 700 กรัม
มันเทศนึ่งแล้วบด 700 กรัม
หัวกะทิ 1 กิโลกรัม
ผงฟู 15 กรัม
ยีสต์ 15 กรัม
น้ำตาลทราย 700 กรัม
มันเทศนึ่งแล้วบด 700 กรัม
หัวกะทิ 1 กิโลกรัม
วิธีทำ
1. นำมันเทศมานึงและยีให้เนื้่อละเอียด แล้วใส่น้ำกะทิ บด ๆ ให้เหลว นำมากรองผ่านตะแกรง เพื่อให้เนื้อมันเทศไม่มีเสี้ยน
2. ร่อนแป้งกับผงฟูใส่หม้อใบใหญ่
3. ใส่ยีสต์ น้ำตาลทราย มันเทศนึ่งที่ยี แล้ว คนให้เข้ากัน คนให้เข้ากันอีกครั้ง
3. ปิดฝาหม้อหรือแรปก็ได้คะ พักไว้ 1 ชั่วโมงหรือขึ้นเป็น 2 เท่า
4. นึ่งไฟแรง ๆ ประมาณ 10 - 15 นาทีแล้วแต่ขนาดพิมพ์
2. ร่อนแป้งกับผงฟูใส่หม้อใบใหญ่
3. ใส่ยีสต์ น้ำตาลทราย มันเทศนึ่งที่ยี แล้ว คนให้เข้ากัน คนให้เข้ากันอีกครั้ง
3. ปิดฝาหม้อหรือแรปก็ได้คะ พักไว้ 1 ชั่วโมงหรือขึ้นเป็น 2 เท่า
4. นึ่งไฟแรง ๆ ประมาณ 10 - 15 นาทีแล้วแต่ขนาดพิมพ์
Simit
Simit
ส่วนผสม
แป้งขนมปัง 250 กรัม
แป้งโฮลวีท 50 กรัม
ยีสต์ผง 1 1/2 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่นละเอียด 1/4 ช้อนชา
น้ำเปล่า 75 กรัม
นมสด 75 กรัม
ไข่ไก่ 1 ฟอง
น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทรายแดงสำหรับคลุก
งาขาว งาดำ คั่วสุกสำหรับคลุก
น้ำเปล่าสำหรับชุบแป้ง
วิธีทำ
1. ร่อนแป้งขนมปังลงในอ่างผสม ใส่แป้งโฮลวีท ยีสต์ผงคนพอเข้ากันเทใส่เครื่องผสม พักไว้
2. ผสมไข่ไก่ น้ำเปล่า น้ำตาลทราย นมสด เกลือป่นและน้ำมันมะกอก คนพอเข้ากันเทใส่ลงในส่วนผสมข้อที่ 1 ใช้หัวตีตะขอนวดด้วยความเร็วปานกลางจนจับตัวเป็นก้อนมีลักษณะเนียนนุ่ม
3. นำแป้งออกจากเครื่องคลึงเป็นก้อนกลม ใช้ภาชนะคลุมแป้งไว้ 5 นาที จากนั้นตัดแบ่งแป้งเป็นก้อน ก้อนละ30 กรัม คลึงเป็นก้อนกลมพักไว้อีก 5 นาที
4. คลึงแป้งเป็นเส้นยาวประมาณ 8-9 นิ้ว จากนั้นนำแป้ง 2 เส้น มาพันเป็นเกลียวรูปวงกลมวางไว้ในถาดคลุมด้วยถุงพลาสติกจนแป้งขึ้นฟูเป็น 2 เท่า
5. นำแป้งที่พักจนได้ที่ลงชุบน้ำเปล่า แล้วคลุกกับน้ำตาลทรายแดงและงาขาว งาดำ จนทั่ววางเรียงใส่ถาดอบนำเข้าอบที่อุณหภูมิ 400 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 20-30 นาทีหรือจนสุกเหลือง
ส่วนผสม
แป้งขนมปัง 250 กรัม
แป้งโฮลวีท 50 กรัม
ยีสต์ผง 1 1/2 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่นละเอียด 1/4 ช้อนชา
น้ำเปล่า 75 กรัม
นมสด 75 กรัม
ไข่ไก่ 1 ฟอง
น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทรายแดงสำหรับคลุก
งาขาว งาดำ คั่วสุกสำหรับคลุก
น้ำเปล่าสำหรับชุบแป้ง
วิธีทำ
1. ร่อนแป้งขนมปังลงในอ่างผสม ใส่แป้งโฮลวีท ยีสต์ผงคนพอเข้ากันเทใส่เครื่องผสม พักไว้
2. ผสมไข่ไก่ น้ำเปล่า น้ำตาลทราย นมสด เกลือป่นและน้ำมันมะกอก คนพอเข้ากันเทใส่ลงในส่วนผสมข้อที่ 1 ใช้หัวตีตะขอนวดด้วยความเร็วปานกลางจนจับตัวเป็นก้อนมีลักษณะเนียนนุ่ม
3. นำแป้งออกจากเครื่องคลึงเป็นก้อนกลม ใช้ภาชนะคลุมแป้งไว้ 5 นาที จากนั้นตัดแบ่งแป้งเป็นก้อน ก้อนละ30 กรัม คลึงเป็นก้อนกลมพักไว้อีก 5 นาที
4. คลึงแป้งเป็นเส้นยาวประมาณ 8-9 นิ้ว จากนั้นนำแป้ง 2 เส้น มาพันเป็นเกลียวรูปวงกลมวางไว้ในถาดคลุมด้วยถุงพลาสติกจนแป้งขึ้นฟูเป็น 2 เท่า
5. นำแป้งที่พักจนได้ที่ลงชุบน้ำเปล่า แล้วคลุกกับน้ำตาลทรายแดงและงาขาว งาดำ จนทั่ววางเรียงใส่ถาดอบนำเข้าอบที่อุณหภูมิ 400 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 20-30 นาทีหรือจนสุกเหลือง
ทอดมันไส้อั่ว
ทอดมันไส้อั่ว
ส่วนประกอบ
เนื้อหมูบด 400 กรัม
ซีอิ๊วดำ ½ ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว ½ ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา ½ ช้อนโต๊ะ
ใบมะกรูด (ซอย) 1 ช้อนโต๊ะ
ตะไคร้ (ซอย) 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันรำข้าว สำหรับทอด
ผักกาดหอม สำหรับเสิร์ฟ
ขมิ้นขาว สำหรับเสิร์ฟ
ผักชี สำหรับเสิร์ฟ
แตงกวา สำหรับเสิร์ฟ
พริกขี้หนู สำหรับเสิร์ฟ
ข้าวเหนียวนึ่งสุก สำหรับเสิร์ฟ
น้ำพริกไส้อั่ว
พริกแห้งเม็ดใหญ่ 3 เม็ด
เกลือ ½ ช้อนชา
หอมแดง (ซอย) ¼ ถ้วย
กระเทียม (ซอย) 2 ช้อนโต๊ะ
ข่า 1 ช้อนชา
ตะไคร้ 2 ช้อนโต๊ะ
ผิวมะกรูด 2 ช้อนชา
กะปิ ½ ช้อนชา
วิธีทำ
1. แกะเมล็ดจากพริกแห้งเม็ดใหญ่ และนำพริกไปแช่น้ำจนนุ่มโขลกรวมกับ ส่วนประกอบของน้ำพริกไส้อั่วทั้งหมด พักไว้
2. นำเนื้อหมู ซีอิ๊วดำ ซีอิ๊วขาว น้ำปลา และน้ำพริกไส้อั่วที่พักไว้มาเคล้าให้เข้ากัน
ใส่ใบมะกรูด และตะไคร้ผสมให้เข้ากันดีพักไว้ประมาณ 30 นาที
3. ปั้นส่วนผสมเป็นก้อนกลมแบนตั้งกระทะ ใส่น้ำมันบางๆ แค่พอเคลือบกระทะ
พอเริ่มร้อน ก็นำทอดมันไส้อั่วลงทอด พลิกไปมาจนสุกดี ประมาณ 5-6 นาที
ส่วนประกอบ
เนื้อหมูบด 400 กรัม
ซีอิ๊วดำ ½ ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว ½ ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา ½ ช้อนโต๊ะ
ใบมะกรูด (ซอย) 1 ช้อนโต๊ะ
ตะไคร้ (ซอย) 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันรำข้าว สำหรับทอด
ผักกาดหอม สำหรับเสิร์ฟ
ขมิ้นขาว สำหรับเสิร์ฟ
ผักชี สำหรับเสิร์ฟ
แตงกวา สำหรับเสิร์ฟ
พริกขี้หนู สำหรับเสิร์ฟ
ข้าวเหนียวนึ่งสุก สำหรับเสิร์ฟ
น้ำพริกไส้อั่ว
พริกแห้งเม็ดใหญ่ 3 เม็ด
เกลือ ½ ช้อนชา
หอมแดง (ซอย) ¼ ถ้วย
กระเทียม (ซอย) 2 ช้อนโต๊ะ
ข่า 1 ช้อนชา
ตะไคร้ 2 ช้อนโต๊ะ
ผิวมะกรูด 2 ช้อนชา
กะปิ ½ ช้อนชา
วิธีทำ
1. แกะเมล็ดจากพริกแห้งเม็ดใหญ่ และนำพริกไปแช่น้ำจนนุ่มโขลกรวมกับ ส่วนประกอบของน้ำพริกไส้อั่วทั้งหมด พักไว้
2. นำเนื้อหมู ซีอิ๊วดำ ซีอิ๊วขาว น้ำปลา และน้ำพริกไส้อั่วที่พักไว้มาเคล้าให้เข้ากัน
ใส่ใบมะกรูด และตะไคร้ผสมให้เข้ากันดีพักไว้ประมาณ 30 นาที
3. ปั้นส่วนผสมเป็นก้อนกลมแบนตั้งกระทะ ใส่น้ำมันบางๆ แค่พอเคลือบกระทะ
พอเริ่มร้อน ก็นำทอดมันไส้อั่วลงทอด พลิกไปมาจนสุกดี ประมาณ 5-6 นาที
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)